กรณี นายเจริญ (สงวนนามสกุล) เจ้าของร้านอาหารในโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต ถูกกระหน่ำแทงเสียชีวิต ริมถนนหน้าห้างแห่งหนึ่ง บนถนนอ๋องซิมผ่าย ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พื้นที่ สภ.เมืองภูเก็ต เมื่อช่วงเช้าวันที่ 29 ต.ค. โดยคนร้ายชิงกระเป๋าคาดอกผู้ตายวิ่งหลบหนีไปในห้างลักษณะชิงทรัพย์ ก่อนพบเสื้อผ้าคนร้ายนำไปซุกซ่อนในร้านเครื่องเล่นเด็กในห้าง คล้ายมีการเตรียมตัวมาก่อเหตุอย่างดี ทำให้ตำรวจยังไม่ฟันธงว่าเป็นเหตุฆ่าชิงทรัพย์เสียทีเดียว อยู่ระหว่างตรวจสอบวงจรปิดล่าคนร้ายตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ฆ่าชิงทรัพย์? ล่าโจรเหี้ยมกระหน่ำแทงเจ้าของร้านอาหารในโรงพยาบาลดับ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อช่วงบ่ายวันเดียวกัน (29 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าท ที่ สภ.เมืองภูเก็ต ได้มี นายปัณณวิชญ์ เทพบุตร อายุ 32 ปี เดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต โดยรับสารภาพแค่เพียงว่า เป็นคนลงมือก่อเหตุฆ่านายเจริญ ด้วยตัวเอง โดยมีการเตรียมพร้อมนำเสื้อผ้ามาเปลี่ยนและสร้างสถานการณ์ว่าเป็นเหตุชิงทรัพย์ โดยจริงๆ ต้องการฆ่าอีกคนหนึ่ง แต่กลับจำคนผิดมาก่อเหตุกับผู้ตาย เพราะมีลักษณะรูปร่างคล้ายกับคนที่จะลงมือฆ่า หลังก่อเหตุได้หลบหนีไปตามแผนที่วางไว้ แต่พอมาเห็นข่าวพบว่าผิดคน จึงตัดสินใจเข้ามอบตัวดังกล่าว

จากนั้น ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต จัดกำลังควบคุมตัวนายปัณณวิชญ์ ไปทำแผนประกอบคำสารภาพตามจุดต่างๆ โดยเริ่มจากห้างฯ ที่นำรถ จยย. ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดไว้ จากนั้นไปจุดก่อเหตุลงมือแทงนายเจริญ ริมถนนหน้าห้างดังกล่าว จากนั้นได้นำกระเป๋า สะพายและเสื้อแจ๊กเกตสีดำไปวางไว้บริเวณจุดขายของหน้าห้าง แล้วไปชี้จุดบริเวณร้านเครื่องเล่นเด็กที่นำเสื้อผ้าไปซ่อนเอาไว้ ก่อนหลบหนีไปทางด้านหลังห้าง โดยเดินไปทางซอยกอไผ่ ต.ตลาดใหญ่ เดินตัดออกไปซอยฮับเอก ต.ตลาดใหญ่ และเดินมาบริเวณปั๊มน้ำมัน อยู่ตรงข้ามโรงเรียนเทศบาลเมืองภูเก็ต ถนนพูนผล ต.ตลาดใหญ่ กลับเข้าบ้านพัก ก่อนเข้ามอบตัวดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเสียทีเดียว เนื่องจากหลักฐานวงจรปิดตรงจุดเกิดเหตุ เห็นชัดขณะผู้ตายเข็นรถเข็นมาที่รถเปิดท้ายรถจะขนของขึ้น คนร้ายแต่งกายปกปิดมิดชิด เดินเข้ามาชวนคุยก่อนช่วยขนของขึ้นรถ ซึ่งมีการสนทนากันอยู่นาน ก่อนจะลงมือกระหน่ำแทงแบบไม่ยั้ง ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นการแทงผิดตัว อยู่ระหว่างสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป