จากกรณีลูกสาวเรียกร้องความเป็นธรรมให้พ่อ หลังถูกครูรายหนึ่ง นำเลขบัตรประชาชนไปสวมสิทธิสอบติดข้าราชการครูมาราธอน 39 ปี จนคนสวมสิทธิเสียชีวิตไปแล้ว แต่ยังไม่ได้สิทธิชอบธรรมคืน นั้น

สาวร้อง! พ่อถูก ‘ครูปรีชา’ สวมสิทธินำเลขบัตรปชช. สอบเข้าข้าราชการ มาราธอน 39 ปี

คืบหน้าเมื่อวันที่ 4 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เดินทางลงพื้นที่บริเวณบ้านเลขที่ 33/22 ในพื้นที่หมู่ 3 ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เพื่อพูดคุยกับนายปรีชา มหาวงค์ อายุ 63 ปี ซึ่งเป็นผู้พิการขาข้างขวาขาด และกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก หลังจากพบว่า ตนถูกสวมสิทธิเลขบัตรประชาชน 13 หลัก จากอดีตข้าราชการครูในพื้นที่ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ทำให้ตนเองต้องเสียสิทธิสวัสดิการของรัฐหลายอย่าง ทั้งสิทธิการรักษาพยาบาล เงินสงเคราะห์ผู้สูงอายุ และโครงการสวัสดิการของรัฐต่างๆ อีกหลายรายการ

นายปรีชา กล่าวว่า ตนมาทราบว่า ถูกสวมสิทธิเลขบัตรประชาชน 13 หลัก เมื่อตอนที่จะไปทำบัตรผู้สูงอายุ ที่เทศบาลตำบลไทรโยค เมื่อช่วงปี 62 โดยเจ้าหน้าที่ที่รับทำบัตรบอกว่า ตนไม่สามารถทำบัตรขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้ เพราะตนเป็นข้าราชการครู มีเงินสวัสดิการบำเหน็จบำนาญอยู่แล้ว ซึ่งตนก็ได้โต้แย้งไปว่า ไม่ได้รับราชการและไม่เคยเป็นข้าราชการครูมาก่อน แต่เจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่า จากการตรวจสอบเลขบัตรประชาชน 13 หลัก พบว่าข้อมูลระบุชัดเจนว่า รับราชการเป็นครูอยู่ในพื้นที่ อ.ไทรโยค ด้วยชื่อนามสกุลและเลขบัตรประชาชน 13 หลักอันเดียวกัน จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ตนต้องเสียสิทธิไม่ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และยังถูกเรียกคืนเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่ทางเทศบาลจ่ายมาให้ก่อนหน้านี้ 4 เดือน กลับคืนไปทั้งหมด อีกทั้งทำให้ตนยังไม่สามารถลงทะเบียนรับสิทธิสวัสดิการด้านต่างๆ ของรัฐบาลได้อีกเลย ทำให้ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ขาดเงินสวัสดิการที่จะได้รับจากภาครัฐหลายอย่าง จึงอยากขอให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เข้ามาช่วยตรวจสอบและดำเนินการคืนสิทธิให้กับตนด้วย

ขณะที่ น.ส.รุ่งฤดี มหาวงค์ อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวของนายปรีชา กล่าวว่า หลังทราบว่าพ่อของตนถูกสวมสิทธิเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ตนก็ได้เดินเรื่องเข้าไปแจ้งความที่ สภ.ไทรโยค ตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค. 63 ทำให้มีการตรวจสอบและพบว่า ผู้ที่สวมสิทธิเลขบัตรประชาชนของพ่อตน เป็นข้าราชการครูอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ไทรโยค โดยใช้ชื่อปรีชา มหาวงค์ เหมือนกัน และมีเลขบัตรประชาชน 13 หลัก เลขเดียวกันทั้งหมด ตนจึงได้เดินทางไปยื่นเรื่องร้องเรียนที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด รวมถึงสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่ครูคนดังกล่าวรับราชการอยู่ ซึ่งก็ได้คำตอบว่าทางหน่วยงานจะเร่งทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ แต่จนถึงบัดนี้เวลาผ่านล่วงเลยมานานกว่า 2 ปี กลับไม่มีความคืบหน้าในการตรวจสอบใดๆ แถมครูคนที่สวมสิทธิเลขบัตรประชาชน 13 หลักของพ่อตน ก็เสียชีวิตไปแล้วเมื่อหลายเดือนก่อน ทำให้ตอนนี้พ่อของตนยังคงไม่ได้รับสิทธิสวัสดิการใดๆ กลับคืนมาเลย และต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก โดยไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาให้ความช่วยเหลือ

น.ส.รุ่งฤดี กล่าวอีกว่า จากการที่ตนพยายามออกตรวจสอบหาข้อมูล พบข้อพิรุธหลายอย่างของข้าราชการครูคนที่สวมสิทธิเลขบัตรประชาชนของพ่อตน โดยพบว่า ครูคนดังกล่าว มีเลข 13 หลัก 2 ชุด โดยในบัตรข้าราชการครูที่ระบุชื่อ ปรีชา มหาวงค์ นั้น เป็นเลขประจำตัว 13 หลักชุดเดียวกับของพ่อตน แต่ในบัตรประจำตัวประชาชนของครูคนดังกล่าว กลับเป็นอีกชื่อหนึ่ง และเลข 13 หลักก็ยังเป็นอีกชุดหนึ่งด้วย ทั้งนี้ ตนยืนยันว่า ที่ออกมาเรียกร้องขอความช่วยเหลือในครั้งนี้ ไม่ได้ต้องการจะเรียกร้องอะไร เพียงแค่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ช่วยเข้ามาดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และคืนสิทธิให้กับพ่อของตน ได้รับสวัสดิการของรัฐตามที่ควรจะได้รับมานานตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพียงเท่านั้น.