กำลังเป็นที่วิจารณ์บนโลกออนไลน์ เมื่อมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์แชร์ประสบการณ์ในกลุ่มเฟซบุ๊ก @พวกเราคือผู้บริโภค เป็นกรณีที่ลูกค้าไปซื้อไอศกรีมยี่ห้อดังมาทานที่บ้าน แต่พอเปิดมาถึงกับอึ้ง เพราะเจอนอตอยู่ในถ้วย พอแจ้งกลับไปยังร้าน มีพนักงานโทรฯ มาขอโทษ พร้อมขอไอศกรีมและนอตคืน 

โดยผู้โพสต์ระบุว่า “เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์จริงของเมื่อคืน วันนี้เป็นวันของอิฉัน อิฉันก็ได้ฉลองไอศกรีมที่อยากกินมานานมาทาน พนักงานก็เก็บร้านละ ยืนตั้งนานก็เหมือนไม่สนใจ จนต้องเรียกเพื่อซื้อ พอตอนซื้อก็เหมือนไม่อยากขาย พอขายก็จะขายราคาเต็มทั้ง ๆ ที่ราคาลูกค้าทุกคน ไม่ใช่คนเฉพาะมีบัตร แต่ก็เคลียร์ราคาที่ถูกต้องได้ พอได้มาก็กลับมาบ้านเพราะความสบายใจและอยากฉลองที่เป็นวันดี กินคำแรกไม่เท่าไหร่ คำที่สองเท่านั้น 

ตามภาพเลยค่ะ มันคือนอต คือความอยากกินก็กินต่อ แต่โทรฯ หาทางเจ้าหน้าที่ละ รอพนักงานที่ร้านติดต่อกลับมา สงสัยก็แค่ขอโทษ แต่ถามสักคำผู้บริโภค ต้องระวังทุกการรับประทานเลยหรอคะ แชร์ได้นะ อยากให้เตือนไว้เป็นอุทาหรณ์ ไม่ได้สร้างกระแส ในภาพคือเรื่องจริง จนกระทั่งตอนพิมพ์ก็ยังกินอยู่ เพราะอยากกิน ขอบคุณค่ะ

ความพีคโทรฯ กลับมาขอโทษ แล้วขอไอศกรีม แล้วก็นอตคืน แต่คือไอศกรีมกินหมดไปแล้วค่ะ จะคืนให้ยังไง ได้คำขอโทษและจะให้ไอศกรีมแก้ไขใหม่ เราไม่ได้อยากกินอีก เราเลยตอบไปว่าไอศกรีมกินหมดแล้วนะ แต่ทางร้านตอบมาว่าขอนอตคืนได้ไหมครับ เอิ่ม อิฉันก็ตอบได้ค่ะ เดี๋ยวจะคืนให้ 

ฉันทำอะไรได้ไหม ได้ไอศกรีมฟรีอีกอันเหรอ อิฉันอยากกินแค่วันนี้ค่ะไม่ได้อยากกินอีกวัน เป็นวันฉลองที่ไม่ฉลองเลย ฉันทำไรได้บ้าง ที่ออกมาโพสต์เพราะเตือนภัยในการรับประทาน เตือนภัยในการระวัง และอีกอย่างผู้บริโภคจะทานอะไรต้องระแวง?”

นอกจากนี้ทางเจ้าของโพสต์ ได้มาอัพเดทความคืบหน้าล่าสุดระบุว่า “ไปคืนนอตให้ทางสาขาแล้วนะคะ ได้พูดคุยกับ ผจก.สาขา เกี่ยวกับการเจอนอต แล้วก็พูดคุยดี แต่ทางร้านขอเรื่องเกี่ยวกับการลบโพสต์ เราก็บอกตรง ๆ เลยค่ะ ขออนุญาตไม่ลบ เพื่ออยากจะโพสต์ในการทานให้ระมัดระวัง เพราะถ้าไม่ระวังก็อาจจะเจอประสบการณ์แบบอิฉัน 

หลังจากบทสนทนา ก็ได้ไอศกรีม 2 อัน แถมบัตรสมาชิกให้มีถ่ายรูปรับของนิดหน่อย แต่ไม่ลบโพสต์แน่นอนค่ะ เพื่อเป็นบทเรียนของทาง QC ของไทยให้มีคุณภาพมากกว่านี้ แล้วทั้งนี้ทั้งนั้น ขอขอบคุณทุกคนที่ร่วมแสดงความคิดเห็น กดไลค์ กดแชร์ด้วย เอาไว้เตือนเป็นอุทาหรณ์นะคะ”

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก กลุ่มเฟซบุ๊ก พวกเราคือผู้บริโภค