เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. นายแพทย์วัชรนันท์ ถิ่นนัยธร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง มีความห่วงใยประชาชน จากแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในจังหวัดตรัง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศไทยที่มีจำนวนผู้ป่วยเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ เนื่องจากเริ่มมีกิจกรรมการรวมตัวของประชาชนช่วงใกล้ปลายปี มีการจัดงานมหกรรม งานแสดงสินค้า หรืองานประจำปีเพิ่มขึ้น ประชาชนเริ่มถอดหน้ากากอนามัย ประกอบกับมีการผ่อนคลายมาตรการการป้องกันโรคต่างๆ ของจังหวัด ทำให้กิจการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ร้านอาหาร และกิจกรรมการรวมตัวต่างๆ กลับมาเปิดให้บริการประชาชนโดยปกติ

จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งสร้างภูมิคุ้มกันและกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีนโดยเร็ว เพื่อรองรับสถานการณ์ กิจกรรมต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นตามมา ขณะนี้ จังหวัดตรังได้รับมอบวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากกระทรวงสาธารณสุข โดยมีสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรังเป็นผู้รับมอบแทน เมื่อวันที่ 27 พ.ย.65 ทั้งสิ้น 18,000 โด๊ส โดยกระจายไปยังโรงพยาบาลรัฐทุกแห่งแล้ว เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันเชิงรุกในระดับหมู่บ้านให้ครอบคลุมทั่วทั้งจังหวัด โดยเน้นในกลุ่มเด็กเล็ก และกลุ่ม 608 เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันลดอาการรุนแรงและเสียชีวิต

ในช่วงสัปดาห์ที่ 47 วันที่ 20-26 พ.ย. 65 จังหวัดตรังมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวน 178 ราย รวมสะสมทั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 65 เป็นต้นมา พบผู้ป่วยสะสมรวม 10,774 ราย และผู้เสียชีวิตสะสม 77 ราย ซึ่งจะเห็นได้ว่า แนวโน้มของผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเขตอำเภอเมืองตรัง และมีผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้ง 77 ราย พบผู้เสียชีวิตถึง 39 ราย ยังไม่ได้รับวัคซีน ดังนั้น กลุ่มเด็กเล็กและกลุ่ม 608 โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนตามเกณฑ์จึงมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและมีอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ จึงย้ำเตือนให้ลูกหลานนำบุตร พ่อ แม่ หรือผู้สูงอายุภายในบ้านไปรับวัคซีนที่โรงพยาบาลของรัฐ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขตำบล (รพ.สต.) หรือหน่วยบริการสาธารณสุขใกล้บ้านโดยเร็ว เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากลูกหลาน ที่กลับมาเยี่ยมบ้านในช่วงสิ้นปี ซึ่งอาจเป็นพาหนะนำเชื้อมาติดได้ หากเป็นผู้ป่วยติดเตียง สามารถแจ้ง อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ไปฉีดวัคซีนที่บ้านได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ข้อแนะนำ สำหรับวัคซีนเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 4 ปี ควรฉีด 3 เข็ม ฉีดเข็มแรกและเข็มสอง ห่างกัน 1 เดือน เข็มสาม ห่างจากเข็มสอง 2 เดือน อายุ 5 ปี ถึง 11 ปี ฉีดเข็มแรกและเข็มสองห่างกัน 2 เดือนเข็มสาม (เข็มกระตุ้น) 1 ครั้ง ห่างจากเข็มสอง 3-6 เดือน อายุ 12 ปี ถึง 17 ปี ฉีดเข็มแรกและเข็มสองห่างกัน 4 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน เข็มสาม 1 ครั้ง ห่างจากเข็มสอง 4 – 6 เดือน และอายุ 18 ปีขึ้นไป ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข สำหรับประชาชนทั่วไปที่รับวัคซีนเข็มล่าสุดมามากว่า 4 เดือนขึ้นไป สามารถเข้ารับเข็มกระตุ้น ที่หน่วยงานสาธารณสุขใกล้บ้านได้เช่นกัน”ยืนยัน วัคซีนมีคุณภาพ เพียงพอ เข้าถึงง่าย และไม่เสียค่าใช้จ่ายในการรับบริการ.