เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความพาผู้เสียหายสาวชาวกัมพูชา มีอาชีพเป็นนักวาดภาพอิสระ เข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เพื่อขอให้ช่วยเร่งรัดติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายด้วยการใช้อาวุธมีดกรีดหน้าและลำตัว และเอาน้ำกรดราดอวัยวะเพศ เหตุเกิดเมื่อ 1 พ.ย. 65 ในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี แต่ตำรวจท้องที่ไม่ดำเนินการจนผู้ต้องหาหนีออกนอกประเทศ

น.ส.ซันฟราวเวอร์ ผู้เสียหาย เล่าว่า ในวันเกิดเหตุได้รับโทรศัพท์จากผู้หญิงติดต่อมาให้ไปพบเพื่ออยากให้ช่วยวาดรูปให้ โดยให้ไปหาที่ร้านที่เกิดเหตุพร้อมขอให้ใส่สร้อยคอที่เธอซื้อเองมาและเอารูปที่เธอโพสต์ในเฟซบุ๊กมาด้วยเมื่อไปถึงที่ร้านก็มีการพูดคุยก่อนที่ไม่นานก็มีผู้ชายเข้ามาล็อกตัวและมัดขาและพาไปที่หลังร้านแล้วลงมือทำร้ายร่างกายด้วยการราดน้ำกรด หลังทำร้ายก็ได้ทิ้งไว้และหนีไป หลังเกิดเหตุตนและครอบครัวที่อยู่กัมพูชารวมถึงเพื่อนร่วมงานถูกข่มขู่จะเอาชีวิตด้วย ส่วนคนที่ทำร้ายตนยอมรับว่าค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นใครเพราะมีอยู่คนเดียวที่เกลียดเธอมาก และทั้งชีวิตไม่เคยทะเลาะหรือมีศัตรู แต่มีคนเดียวที่เกลียดมากๆ ส่วนการข่มขู่ก็เป็นการข่มขู่เฉยๆ ไม่ได้บอกให้หยุดทำอะไร ยืนยันว่าตนทำแค่งานไม่ได้ทำอย่างอื่นที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ส่วนความสัมพันธ์ตนกับไมเคิล อดีตสามีของผู้ต้องสงสัยได้รู้จักกันช่วงก่อนโควิด-19 ไปทำสารคดีที่กัมพูชาร่วมกันและไม่ได้ติดต่อคุยอะไรกัน จนมาไทยและถูกทำร้ายข่มขู่จึงได้ติดต่อไมเคิล

ด้าน นายไมเคิล ที่เดินทางมากับผู้เสียหาย กล่าวว่า ค่อนข้างมั่นใจว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ เพราะเคยถูกข่มขู่มาเป็นระยะและสังหรณ์ใจว่าเหตุการณ์ร้ายแรงแบบนี้จะเกิดขึ้น ส่วนผู้ก่อเหตุไม่แน่ใจว่ายังอยู่ในเมืองไทยหรือไม่ แต่ผู้เสียหายยังถูกข่มขู่เป็นระยะ พร้อมระบุว่าคนที่ตนสงสัยคืออดีตภรรยา พร้อมขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เข้ามาช่วยเหลือวันนี้ที่มาไม่ต้องการให้ใครรู้สึกไม่ดี แต่ตัวผู้เสียหายยังถูกข่มขู่อยู่ อยากให้เรื่องราวเป็นไปด้วยดี พร้อมระบุเชื่อมั่นว่าตำรวจไทยจะให้ความเป็นธรรมและตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีได้ เพราะอยากกลับไปใช้ชีวิตแบบปกติ

ด้าน ทนายษิทรา กล่าวว่า ผู้เสียหายเป็นจิตรกรและเคยเป็น NGO ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับใครมาก่อน เพิ่งมาไทยได้ไม่กี่วัน สาเหตุที่ถูกทำร้ายคาดว่าเกิดจากความเข้าใจผิดเรื่องชู้สาวอาจจะคิดว่าทางผู้เสียหายไปยุ่งกับสามีจนโกรธแค้นและไปจ้างคนมาทำร้าย ทั้งที่ผู้เสียหายเพิ่งจะเข้ามาไทยแค่ไม่กี่วันและคนที่มาก็เข้ามาเพื่อทำร้าย จากนั้นก็ออกนอกประเทศไปเลย ส่วนคนที่สั่งการอาจจะเป็นไปได้ทั้งคนไทยและต่างชาติ ซึ่งผู้เสียหายทราบอยู่แล้ว เหลือแค่ว่าพยานหลักฐานจะไปถึงหรือไม่ จึงต้องการให้ รอง ผบ.ตร. เร่งรัดติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี เพราะที่ผ่านมามองว่าตำรวจท้องที่ยังทำงานล่าช้า ทั้งที่เป็นคดีอุกฉกรรจ์ พร้อมขอบคุณ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่รับปากจะเร่งรัดคดี พร้อมสั่งการให้จัดกำลังตำรวจไปดูแล เนื่องจากผู้เสียหายกังวลเรื่องความปลอดภัยและไม่ต้องเสียเงินไปจ้างคนมาดูแลเอง

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวเป็นคดีทำร้ายร่างกายอย่างโหดร้ายทารุณไม่ได้ซับซ้อนจะต้องมีการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ ซึ่งเตรียมเรียกผู้กำกับ สภ.บางละมุง มาให้ข้อมูลและเอาสำนวนสอบสวนมาดูว่าตรงไหนยังไม่เรียบร้อย และจะเร่งรัดในการส่วนของการสอบสวนเพื่อออกหมายจับผู้ก่อเหตุ สัปดาห์หน้าหากมีการหลบหนีไปต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชียไม่หนักใจ เชื่อว่าจะเอาตัวมาดำเนินคดีได้ โดยสัปดาห์หน้าตนเองจะเดินทางไปประชุมที่ฟิลิปปินส์ก็จะเอารายละเอียดไปพูดคุยด้วยหลังมีข้อมุลว่าผู้ก่อเหตุหนีไปที่ฟิลิปปินส์.