จากกรณีช่วงบ่ายวันที่ 16 ธ.ค. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สน.หลักสอง เรียกคู่กรณีเข้ามาไกล่เกลี่ยคดีรถชนกันเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว ก่อนเจรจาไม่ลงตัวโต้เถียงกันวุ่น โดยผู้ต้องหาได้ชักปืนยิงคู่กรณีตาย และทนายความได้รับบาดเจ็บสาหัสบนโรงพักอย่างอุกอาจ พร้อมหนีไปกับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ต่อมาเจ้าหน้าที่จับกุมนายพีรสิน กุลชุติสิน หรือ พี อายุ 27 ปี ลูกชายเจ้าของโรงงานซื้อขายพริกรายใหญ่แห่งหนึ่ง พร้อมอาวุธปืนขนาด 9 มม. หลังหนีไปซ่อนตัวอยู่ในโรงงานของครอบครัวย่านพระราม 2 ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าวันที่ 17 ธ.ค. พ.ต.อ.ธีระชัย เด็ดขาด รอง ผบก.น.9 พร้อมด้วย พ.ต.ท.จตุรพล สุวรรณจักษ์ สว.(สอบสวน) สน.หลักสอง คุมตัว นายพีรสิน หรือ พี กุลชุติสิน อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงใส่ นายคมสัน หรือ ม่อน อินทร์ฤทธิ์ อายุ 32 ปี คู่กรณีจนเสียชีวิต และนายอนุสร วิชาธร อายุ 33 ปี ทนายความได้รับบาดเจ็บบนห้องปฏิบัติการสอบสวน สน.หลักสอง ในระหว่างที่พนักงานสอบสวนที่เรียกตัวทั้ง 2 ฝ่ายมาเจรจาเรื่องชดใช้ค่าเสียหาย คดีทำร้ายร่างกายและอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนกันตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมา ไปฝากขังที่ศาลอาญาธนบุรี

ด่วน! จับแล้ว ‘ลูกชายเจ้าของโรงงาน’ หัวร้อน ชักปืนยิงคู่กรณีตายบนโรงพัก

โดยพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาธนบุรี ออกหมายจับเลขที่ 2055/2565 ลงวันที่ 16 ธ.ค. 65 แจ้งข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน, พยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน, พาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต อีกทั้งแนบเรื่องคัดค้านการให้ประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญและเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ทั้งนี้ หลังจากที่นายพีรสิน ถูกนำตัวออกจากห้องควบคุมผู้ต้องหาบนโรงพัก ได้เดินลงมาขึ้นรถส่งตัวผู้ต้องหา โดยใช้เสื้อแจ๊กเกตคลุมศีรษะปิดบังใบหน้าตลอดเวลา และไม่ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนแต่อย่างใด