เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายวิน (สงวนชื่อ-นามสกุล) อายุ 41 ปี อาชีพพนักงานบริษัท หลังถูกโจรบุกบ้านขโมยของ 2 ครั้ง ภายในระยะเวลา 6 เดือน มูลค่าความเสียหายกว่า 40,000 บาท ที่เกิดเหตุภายในบ้านพักแห่งหนึ่ง ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงนำเรื่องมาร้องเรียนผู้สื่อข่าว เนื่องจากตำรวจยังตามจับคนร้ายไม่ได้ กลัวเรื่องความปลอดภัย รวมถึงกลัวคนร้ายกลับมาก่อเหตุซ้ำ

โดยภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพวันที่ 8 ธ.ค. 65 เวลาประมาณ 22.05 น. พบชายผู้ต้องสงสัยสวมเสื้อยืดสีดำขี่ จยย. ไม่ทราบยี่ห้อและเลขทะเบียน ย้อนศรมาจากห้าแยกปากเกร็ด และขี่เข้าไปบริเวณบ้านของผู้เสียหาย ก่อนขับออกมาเวลา 22.23 น. และขี่หลบหนีมุ่งหน้าไปยังซอยวัดกู้

นายวิน กล่าวว่า คนร้ายก่อเหตุมาขโมยของครั้งแรกวันที่ 1 มิ.ย. ได้ขโมยคอมเพรสเซอร์แอร์ 1 เครื่อง ราคา 20,000 บาท และครั้งที่สอง คนร้ายก่อเหตุขโมยปั๊มน้ำ ยี่ห้อมิตซูบิชิ ราคา 20,000 บาท ที่ตั้งอยู่หลังบ้าน โดยทิ้งรอยมือติดไว้ที่กำแพง พร้อมกับสภาพหลังบ้าน ข้าวของกระจัดกระจายไปหมด เบื้องต้นคาดว่า คนร้ายปืนกำแพงมาก่อเหตุจากหลังบ้าน ตำรวจยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ ตอนนี้เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของคุณแม่ที่อายุมากแล้วพักอาศัยอยู่ หากยังจับตัวไม่ได้ คนร้ายอาจได้ใจกลับมาก่อเหตุซ้ำได้

“ล่าสุดหลังถูกก่อเหตุครั้งที่สอง ตนก็ลงทุนติดรั้วกันขโมยเสียเงินกว่า 7,000 บาท เพราะพึ่งใครไม่ได้ จึงต้องเพิ่งตัวเอง สุดท้ายอยากให้ตำรวจเร่งตามจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ตอนนี้ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ปลอดภัย หากปล่อยไว้แบบนี้โจรมันจะได้ใจคิดว่าตำรวจไม่ทำงาน เดี๋ยวจะกลับมาก่อเหตุซ้ำอีก” ผู้เสียหาย กล่าว

ด้านแม่ของผู้เสียหาย กล่าวว่า วันเกิดเหตุ นอนดูทีวีอยู่ชั้น 2 ไม่ได้ยินเสียงคนร้ายแม้แต่นิดเดียว ซึ่งตอนนี้โจรมันได้ใจ ขโมยของที่บ้านไป 2 ครั้ง ซึ่งบ้านตนอยู่ติดริมถนนและอยู่ข้างธนาคาร มีคนเดินไปมาตลอด ก็ยังโดนก่อเหตุ หากยังตามจับไม่ได้ ต่อไปมันอาจจะเข้ามาทำร้ายร่างกายตนก็เป็นได้ ตอนรู้สึกไม่ปลอดภัย.