ทั้งหลายทั้งปวง!! ก็เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับตัวเอง ก่อนต้องเผชิญกับสิ่งที่กำลังก้าวเข้ามาแบบไม่มีใครรู้ว่าจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง? เพราะอย่างน้อยความเชื่อ ความหวัง ความศรัทธา ก็ยังเป็นที่ยึดเหนี่ยวเพื่อเสริมกำลังใจ พลังกาย ให้เดินหน้าฝ่าฟันกันต่อไป

สร้างขวัญ-กำลังใจ

เรื่องนี้!! สะท้อนให้เห็นได้จากผลสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคถึงค่าใช้จ่ายในการทำบุญไหว้พระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า 3 ปัจจัยหลักที่คนไทยเดินทางมาทำบุญไหว้พระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็เพราะเป็นขวัญและกำลังใจในชีวิตมาเป็นอันดับแรกถึง 42.42% รองลงมา ได้แก่ การขอโชค ขอลาภเงินทอง 29.64% อันดับสาม คือ การงาน-ธุรกิจ 10.95% ขณะเดียวกันยังพบว่าบรรดาผู้ที่ไม่มีงานทำ นักเรียน นักศึกษา จะควักเงินทำบุญครั้งละไม่เกิน 200 บาท ส่วนบรรดาข้าราชการ พนักงานของรัฐและนักธุรกิจ เจ้าของกิจการ ควักเงินทำบุญมากกว่า 200 บาท

อย่างไรก็ตาม ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก เพราะนอกเหนือจากการทำบุญในศาสนสถาน บริเวณโดยรอบยังเกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ซึ่งก่อให้เกิดรายได้กับประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงอีกด้วย รวมทั้งยังมีกิจกรรมทางความเชื่อนอกเหนือจากพิธีกรรมทางศาสนาที่ผู้คนบางส่วนนิยมใช้จ่าย ทั้งการดูดวงแบบชะตาราศี เช่น วัน เดือน ปีเกิด ลายมือ ไพ่ยิปซี โหงวเฮ้ง ร่างทรง นั่งทางใน ซึ่งค่าใช้จ่ายมีตั้งแต่หลักสิบบาทจนถึงหลักพัน หรือการบูชา เช่าพระเครื่องเพื่อการเก็งกำไร ที่มีมูลค่าสูงเป็นหลักล้านบาท

ที่สำคัญ…ยังได้คาดการณ์ไว้ชัดเจนด้วยว่า การเดินทางไปทำบุญของประชาชนสามารถสร้างรายได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้ประมาณปีละ 10,800 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.36% ของมูลค่าการท่องเที่ยวโดยรวมของไทยในปี 62 ผลสำรวจนี้ชี้ให้เห็นว่าบรรดากิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางไหว้พระขอพร!! มีมูลค่าทางเศรษฐกิจในระดับที่ค่อนข้างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจ มีโอกาสต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ประเทศควบคู่ไปกับภาคบริการการท่องเที่ยวไม่น้อยทีเดียว

ธุรกิจสายมูดาวเด่น

แม้ทุกวันนี้ยังไม่มีใครออกมาคาดการณ์อย่างชัดเจนได้ว่าในแต่ละปีบรรดาเงินสะพัดที่เกี่ยวข้องกับสายมู มีจำนวนมากน้อยอย่างไรกันแน่!! แต่ด้วยกระแสความเชื่อ ก็ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ “สายมู” กลายเป็นธุรกิจที่มาแรง กลายเป็นหนึ่งใน “ธุรกิจดาวรุ่ง” จากเดิมที่ไม่เคยติดอันดับมาด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นการสำรวจและจัดอันดับโดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยเหตุผลใหญ่…มาจากความไม่มั่นคงของเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง จึงทำให้เกิด “ความหวาดกลัว” ว่าเหตุปัจจัยเหล่านี้จะทำให้ “ชีวิต” มีความไม่แน่นอนสูง

ขณะเดียวกันยังมีข้อมูลจาก “ไลน์ ประเทศไทย” ที่พบว่าบรรดาผู้ใช้แอพพลิเคชั่นไลน์ รวมกว่า 53 ล้านคน มีไลฟ์สไตล์ที่นิยม “มูเตลู” ไม่น้อยทีเดียวตั้ง แต่ตื่นจนถึงเข้านอน ซึ่งไม่น้อยหน้าไปจากการช้อปออนไลน์ หรือการอัพสกิลด้านดิจิทัล ขณะเดียวกันยังมี “เทรนด์” ที่น่าจับตามองไปจนถึงปี 2566 กันทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำบุญออนไลน์ หรือการดูดวงออนไลน์ ซึ่งในปี 2565 พบว่ามีคนตักบาตรออนไลน์มากขึ้นถึง 4 เท่า โดยเฉพาะช่วงวันพระ และก็เชื่อได้ว่าในปีหน้าย่อมมีไม่น้อยไปกว่าปีนี้แน่นอน ส่วน “สถานที่” ที่คนเข้ามาขอพรกับไลน์ดูดวงมากที่สุด ยังคงเป็น หลวงพ่อทันใจ รองลงมา คือ ไอ้ไข่ และท้าวเวสสุวรรณ ส่วนวันที่มีคนเข้ามาขอพรออนไลน์มากที่สุดคือ “วันคเณศจตุรถี” หรือวันเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองบูชาพระพิฆเนศ

ท้าวเวสฯ ยังมาแรง

ทั้งนี้ทั้งนั้น “ท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวร เป็นหนึ่งในเทพเจ้าที่คนกราบไหว้บูชากันมาก และที่เลื่องลือในด้านการขอพรเกี่ยวกับโชคลาภ ตลอดทั้งปี 2565 ที่กระแสการกราบไหว้ท้าวเวสสุวรรณเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก จนศาสนสถานหลายแห่งต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่ได้เห็นบรรยากาศแบบนี้มาสักพักแล้ว ขณะที่ “ไอ้ไข่” คนทั่วไปเชื่อว่าเป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทำให้เป็นที่เคารพสักการะ ขอพรเรื่องโชคลาภ การค้าขาย การงาน และการเงิน และเมื่อขอในเรื่องใดก็จะสมหวังผู้คนจึงพากันไปสักการะอย่างไม่ขาดสาย

ด้าน “พระพิฆเนศ” เป็นเทพในศาสนาฮินดู และเป็นอีกหนึ่งที่พึ่งทางจิตใจของคนไทยหลายคน ถือได้ว่าเป็นเทพเจ้าที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน มีความเชื่อว่าองค์พระพิฆเนศจะช่วยขจัดอุปสรรคทั้งปวง อีกทั้งยังช่วยให้ประสบความสำเร็จ สุขสมหวังดั่งปรารถนา เป็นมหาเทพผู้ทรงภูมิปัญญาที่ยิ่งใหญ่ บูชาง่าย จึงเป็นที่นิยมของคนไทยในปัจจุบัน เช่นเดียวกับ “หลวงพ่อทันใจ” เป็นอีกหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนจำนวนมากต่างศรัทธาและไปกราบไหว้ขอพรให้สมปรารถนาแบบรวดเร็วทันใจ

กราบไหว้พญานาค

หรือแม้แต่ การ “กราบไหว้พญานาค” โดยเฉพาะที่ คำชะโนด จ.อุดรธานี และที่ฮอตฮิตตลอดปีอย่าง ถ้ำนาคา อุทยานแห่งชาติภูลังกา แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่เพิ่งจะถูกค้นพบได้ไม่นานและโด่งดังไปทั่วประเทศ เพราะมีการค้นพบหินตามผนังถ้ำที่มีเกล็ดเหมือนพญานาค และยังพบส่วนหัวที่เหมือนกับพญานาคใกล้ ๆ บริเวณถ้ำอีกด้วย ซึ่งใครที่ได้ไปขอพรโดยเฉพาะการมีโชคมีลาภก็ไม่ผิดหวังกันทีเดียว

ทั้งนี้เรื่องของความเชื่อ “พญานาค” มีมานาน ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น จึงทำให้การเดินทางกราบไหว้ขอพรมักทำควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวหรือการท่องเที่ยวแบบสายมู ที่นับวันยิ่งมีความสำคัญ ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. เองก็หยิบยกนำเรื่องของความเชื่อมาผนวกรวมจัดทำเป็นเส้นทางท่องเที่ยวเสริมสิริมงคลตามความเชื่อ เชื่อมโยงเส้นทางพญานาคในพื้นที่ดินแดนแห่งความศักดิ์สิทธิ์ “นคราธานี” จังหวัดอุดรธานี, หนองคาย และบึงกาฬ ภายใต้ธีมไหว้พญานาคพญายักษ์แล้วจะหลงรักนคราธานี โดยผนึกกับกูรูหมอดูชื่อดังที่มาช่วยออกแบบเส้นทางท่องเที่ยว เพื่อต้อนรับในเทศกาลปีใหม่

นอกจากนี้ยังมีหลายกูรู ด้านโหราศาสตร์ ที่ระบุไปในทิศทางเดียวกันด้วยว่า ในเรื่องของ “เทพผู้หญิง” ไม่ว่าจะเป็น พระแม่ลักษมี พระแม่สุรัสวดี พระแม่อุมา พระนางจามเทวี พระแม่ธรณี พระแม่คงคา และอีกหลาย ๆ พระองค์ ก็เป็นอีกหนึ่งเทพที่ช่วยส่งเสริมให้ชีวิตใน “ปีเถาะ” มีความปังไม่น้อยด้วยเช่นกัน

ไทม์สแควร์เอเชีย

แต่!! นาทีนี้…ใช่ว่าคนไทยจะมีแต่เรื่องของ “มู” เท่านั้น!! เรื่องของ “สุขนิยม” คนไทยก็ไม่แพ้ชาติใดในโลกเหมือนกัน ยิ่งเข้าใกล้เทศกาลแห่งความสุขมากเท่าใด เชื่อเถอะ!! หลายคนต่างจับจ้องมองหาแหล่งเคานท์ดาวน์ที่น่าสนใจ หวังผ่อนคลายให้เต็มที่ หลายพื้นที่หลายแห่งต่างเนรมิตพื้นที่ให้เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุขแบบสุดเหวี่ยง อย่างพื้นที่ในกรุงเทพฯ ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง คือ Central World Bangkok Countdown 2023” เพราะภาพบรรยากาศของงานเคานท์ดาวน์จะไปปรากฏอยู่บน Times Square New York ย่านสำคัญใจกลางมหานครนิวยอร์ก สัญลักษณ์แห่งการเคานท์ดาวน์ระดับโลก เรียกได้ว่าการเคานท์ดาวน์ที่นี่จะเป็นไทม์ สแควร์แห่งเอเชีย และเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์เคานท์ดาวน์ที่ดีที่สุดอีกหนึ่งแห่ง โดยประตูเปิด 18.00 น.

เช่นเดียวกับงาน “Amazing Thailand Countdown 2023” ที่ไอคอนสยาม ได้จัดงานกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. กรุงเทพมหานคร กรมเจ้าท่า หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และพันธมิตรภาคเอกชนอีกมากมาย ที่เรียกว่าขนความอลังการแบบสุด ๆ มาสร้างความสุข ด้วยสารพัดกิจกรรมแบบไฮบริด เวิลด์ เคานท์ดาวน์ การจัดแสดงพลุรักษ์โลกกว่า 30,000 ดอก คอนเสิร์ตจากศิลปินไทยชั้นนำ แถมมีอิมพอร์ตบอยแบนด์จากแดนกิมจิอย่าง “มาร์ค ต้วน” แห่ง GOT7 มากระตุ้นต่อมกันอีก ที่สำคัญงานการแสดงพลุตระการตาริมแม่น้ำเจ้าพระยาของไอคอนสยาม ยังได้รับการจัดลำดับ 1 ใน 10 ของสถานที่ที่ชาวโลกต้องปักหมุดร่วมนับถอยหลังขึ้นปีใหม่ เช่นเดียวกับมหานครอื่นทั่วโลกได้แก่ ซิดนีย์, ไทเป, ดูไบ, เคปทาวน์, โรม, ลอนดอน, รีโอเดจาเนโร, นิวยอร์ก และลาสเวกัส

พลุใหญ่-ศิลปินดัง

อีกงาน!! ที่เป็นที่ดึงดูดทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศได้ไม่น้อย อย่างงาน “พัทยา เคานท์ดาวน์ 2023” ที่ปีนี้จัดยิ่งใหญ่ไม่แพ้ที่ไหนตลอด 3 วัน 3 คืน (29-31 ธ.ค.65) ที่ท่าเรือแหลมบาลีฮาย เมืองพัทยา ที่มาในธีม “The Festival Of Seaverse” ที่มีการผสมผสานความทันสมัยของโลกดิจิทัลแบบเมตาเวิร์ส ที่จะเนรมิตแหลมบาลีฮายให้เป็นโลกใต้ท้องทะเลแบบเมตาเวิร์สที่ล้ำสมัยแห่งโลกอนาคต ท่ามกลางเสียงดนตรีสุดล้ำจากศิลปินระดับประเทศ ความพิเศษยังไม่หมดเท่านี้ เพราะยังมีศิลปินชื่อดังระดับโลกอย่าง “แบมแบม กันต์พิมุกต์” อีกหนึ่งหนุ่มวง GOT7 และ ซันดารา พักร่วมแสดงคอนเสิร์ตในคืนเคานท์ดาวน์ พร้อมกับบรรยากาศการจุดพลุที่ตระการตา

ลงไปที่ภาคใต้ ก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน ทั้งที่ชายหาดป่าตอง จ.ภูเก็ต กับงาน Patong Countdown 2023 ซึ่งจัดวันที่ 29 ธ.ค. 2565-1 ม.ค. 2566 ที่เป็นงานเคานท์ดาวน์ริมทะเล บรรยากาศสุดแสนจะชิลชิล สบาย ๆ ที่มาพร้อมกับกิจกรรมสนุก ๆ มากมาย อาทิ กิจกรรมการแสดงดนตรี EDM กิจกรรมเปิดแผ่นจาก DJ ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ การประดับไฟพร้อมระบบแสง สี เสียง ที่สวยงาม พร้อมการแสดงพลุสุดตระการตา และนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ไปพร้อมกัน บอกได้เลยว่ายิ่งใหญ่ไม่แพ้กรุงเทพฯ พอ ๆ กับงาน Amazing Thailand Countdown 2023 @ Hatyai จังหวัดสงขลา ที่งานนี้ ททท. เป็นเจ้าภาพใหญ่ โดยร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน สร้างสรรค์กิจกรรมฮอตฮิต ที่บริเวณลานอรรถกระวีสุนทร อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ไม่ว่าจะเป็นการแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับชั้นนำของไทยและต่างประเทศ การแสดงจากดีเจชั้นนำของไทย และการไลท์ติ้งอาร์ต โดยศิลปินชั้นนำของประเทศ และแลนด์มาร์คภายในงานยังมี “ไลท์ติ้ง ทาวน์” ที่น่านในใจจากศิลปินชั้นนำ พร้อมถนนคนเดิน บนถนนนิพัทธ์อุทิศ 3 พร้อมการแสดงพลุเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่กลางเมืองหาดใหญ่

สายมูห้ามพลาด

ส่วนทางด้านภาคอีสาน การจัดงานเคานท์ดาวน์เฉลิมฉลองความสุขก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ที่อื่น อย่างงาน “Nakhon Phanom Winter Festival 2023” ตอนสายลมแห่งความสุข ที่จังหวัดนครพนม งานนี้บอกเลย!! “สายมู” ห้ามพลาด เพราะนอกจากได้ร่วมสนุกเพลิดเพลินไปกับดนตรี แสง สี เสียง ริมแม่น้ำโขงแล้ว ยังมีกิจกรรมอธิษฐานลอยเทียน กิจกรรมเปิดดวงต้อนรับปีใหม่ 2023 และกิจกรรมท่องเที่ยวสาย มูรับโชคปีใหม่ เพื่อเสริมสิริมงคลรับปีใหม่ ตามสไตล์คนไทย หรือจะเป็นที่จังหวัดร้อยเอ็ด กับงาน “ร้อยเอ็ด เคานท์ดาวน์” ที่ ลานบึงพลาญชัย หอโหวด 101 แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของภาคอีสาน พร้อมกับกิจกรรมความบันเทิงจากศิลปินระดับแถวหน้าของเมืองไทยที่เป็นลูกหลานคนร้อยเอ็ด และชมพลุสุดอลังการในยามค่ำคืนส่งท้ายปี 2565 และที่พลาดไม่ได้อีกหนึ่งแห่ง ต้องยกให้ทีี่ สนามช้าง อารีนา จ.บุรีรัมย์ กับงาน “BURIRAM ถิ่นภูเขาไฟ ไดโนเสาร์ COUNTDOWN 2023” ที่มีหลากหลายกิจกรรม รวมถึงการปิดทองขอพร รัชกาลที่ 1 เพื่อเสริมสิริมงคลให้กับตนเองและครอบครัว ชมสวนไดโนเสาร์ในดินแดน 6 ภูเขาไฟ พบกับกินกัญ สตรีทฟู้ดมาร์เกต และจัดเต็มไปด้วยบรรยากาศแสง สี เสียงอลังการ พร้อมการแสดงจากศิลปินมากมาย

ขึ้นเหนือมีแบบเบาๆ

ขึ้นมาที่ภาคเหนือ กับงาน “เมชิ่ง ชาร์มมิ่ง ไนท์ เชียงใหม่ เคานท์ดาวน์ 2023” นับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ ในบรรยากาศคืนข้ามปีแบบสุดมหัศจรรย์เหนือจินตนาการ ท่ามกลางการแสดงพลุนับหมื่นนัด พร้อมกับการเนรมิตทุ่งดอกไม้เหนือท้องฟ้าเมืองเชียงใหม่ พร้อมงานไฟประดับบนทุ่งดอกไม้นับล้านดวง ตื่นตาตื่นใจกับเทศกาลไฟประดับแสง สี เสียง และเทคนิคพิเศษ

รวมถึงบอลลูนลอยฟ้า เพื่อบันทึกภาพและความทรงจำ ขณะที่จังหวัดเชียงราย ที่บริเวณหอนาฬิกา ที่จัดงานแบบรักษาอัตลักษณ์ของชาวเชียงรายแบบไทยเดิมไม่พลุกพล่าน การแสดงน้ำพลุดนตรีเบ่งบานกลางท้องน้ำประกอบแสง สี เสียง สุดอลังการด้วยความยาวของน้ำพลุดนตรีที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ร่วมชม “บอลลูนลอยฟ้า” และเพื่อบันทึกภาพและความทรงจำ

ทั้งหมด!! เป็นเพียงบางพื้นที่ บางส่วนงานที่โดดเด่น ที่น่าสนใจเท่านั้น ส่วนใครถนัดสายไหนจะสายมูหรือสายบันเทิง ก็จัดไปตามเส้นทางตามความถนัดของตัวเอง แต่ที่แน่ ๆ การเดินทางท่องเที่ยวในช่วง 10 วันของเทศกาลแห่งความสุขครั้งนี้ จะมีเงินสะพัดไม่น้อยกว่า 37,503 ล้านบาทแน่นอน!!.