สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. ว่า กองทัพยูเครนรายงานการยิงสกัดอากาศยานไร้คนขับแบบติดอาวุธ หรือโดรนของรัสเซีย 16 ลำ ซึ่งเตรียมโจมตีพื้นที่หลายจุด ทางตอนใต้ของกรุงเคียฟ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยฝ่ายความมั่นคงของยูเครนยืนยันว่า โดรนทั้งหมดคือ โดรนพิฆาตรุ่น “ชาเฮด” ที่ผลิตในอิหร่าน และรัฐบาลเตหะรานส่งมาสนับสนุนภารกิจทางทหารของรัสเซียในยูเครน


ขณะที่กระทรวงกลาโหมของรัสเซีย รายงานเกี่ยวกับภารกิจดังกล่าวเพียงว่า เป็นปฏิบัติการโจมตี “โครงสร้างพื้นฐาน” ในยูเครน โดยไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธข้อกล่าวหาของยูเครน ว่า ใช้โดรนโจมตีของอิหร่านหรือไม่


อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกัน ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประชุมทางไกลอิเล็กทรอนิกส์ ร่วมกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน โดยสื่อของรัสเซียออกอากาศช่วงหนึ่ง จากการสนทนาของผู้นำทั้งสองคน เป็นความยาวนานถึง 8 นาที ซึ่งปูตินแสดงความหวังว่า สีซึ่งถือเป็น “เพื่อนรัก” จะเยือนกรุงมอสโกอย่างเป็นทางการ ภายในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อสะท้อนให้โลก “ได้ประจักษ์ถึงความใกล้ชิดระหว่างจีนกับรัสเซีย” และเปรยเกี่ยวกับ การยกระดับความสัมพันธ์ด้านกลาโหมระดับทวิภาคี


ด้านสีกล่าวตอบว่า จีนพร้อมขยายขอบเขต “ความร่วมมือทางยุทธศาสตร์” กับรัฐบาลมอสโก เพื่อร่วมกันฝ่าฟัน “สถานการณ์ยากลำบาก” บนเวทีโลก นอกจากนั้น ผู้นำจีนกล่าวด้วยว่า มาตรการกดดันและควบคุมฝ่ายเดียว “ไม่ใช่เรื่องที่น่านิยม” เช่นเดียวกับความพยายามแทรกแซงกิจภารภายในและการคว่ำบาตร “ซึ่งมีแต่จะล้มเหลวเท่านั้น”


ต่อมา กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐออกแถลงการณ์ว่า รัฐบาลวอชิงตัน “มีความวิตกกังวล” ต่อการประชุมทางไกลระหว่างผู้นำจีนกับรัสเซียครั้งนี้ เนื่องจากไม่สอดคล้องกับการที่รัฐบาลปักกิ่งป่าวประกาศ “ความเป็นกลาง” แต่แท้จริงแล้ว ยังคงสนับสนุนและลงทุนในรัสเซีย สหรัฐจะจับตาความเคลื่อนไหวของจีนในเรื่องนี้ “อย่างใกล้ชิด”.

เครดิตภาพ : REUTERS