เมื่อวันที่ 3 ม.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกระแสการวิเคราะห์ว่า พรรคภูมิใจไทยอาจได้เสียงมาเป็นอันดับ 1 ของขั้วรัฐบาลเดิมนั้น จะรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเลยหรือไม่ว่า เป็นเพียงการวิเคราะห์เท่านั้น ใครจะวิเคราะห์อย่างไรพรรคภูมิใจไทยก็จะเดินไปแบบนี้ทำนโยบายแบบนี้ เราอาจจะไม่เด่นในเรื่องของพรรคที่มีกระแส เราก็ต้องเน้นเรื่องสมาชิกที่อยู่ใกล้ชิดชาวบ้าน ใกล้ชิดพื้นที่ ได้รับความเชื่อถือจากชาวบ้าน สมาชิกเหล่านี้ถือเป็นฟันเฟืองของพรรคภูมิใจไทย ในฐานะของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. นี่คือการที่พรรคภูมิใจไทยเข้าถึง และสื่อสารกับชาวบ้าน ขณะเดียวกันชาวบ้านก็สื่อกับพรรคภูมิใจไทยผ่านสมาชิกเหล่านี้ ในเมื่อเราไม่ทราบว่ากระแสเราแข็งแรงขนาดไหน แต่อย่างน้อยเราก็มีสิ่งที่เชื่อมต่อกับประชาชนได้

​​ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ถ้าพรรคภูมิใจไทยสามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและได้ ส.ส.จำนวนมาก กว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รสทช.) ที่คาดว่าชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หรือพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่คาดว่าชู พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นแคนดิเดตนายกฯ  นายอนุทิน จะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หรือจะดูบริบททางการเมืองประกอบด้วย

​นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าพรรคภูมิใจไทยรวมได้เยอะกว่าพรรคอื่นๆ ก็ต้องดูว่า ส.ว.จะทำอย่างไร เราก็หวังว่าถ้าเรารวมได้ 250 เสียงหรือมากกว่านั้น ส.ว.ก็คงต้องใช้ดุลพินิจว่าถ้าไม่สนับสนุนพรรคที่ได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่งของสภา ส.ว.จะตอบพี่น้องประชาชนอย่างไร ตรงนี้อยู่เหนือการควบคุมของพรรคภูมิใจไทย

​​เมื่อถามถึงสูตรคนละครึ่งระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นก่อน 2 ปี และต่อด้วยนายอนุทิน 2 ปี เป็นไปได้หรือไม่  นายอนุทิน กล่าวว่า ตรงนี้ไม่รู้มาจากไหน ตำแหน่งแบบนี้มีทายาทการเมืองได้หรือ และตนก็ไม่ขอเป็นทายาทของใคร จะเป็นอะไรก็ทำด้วยตัวเอง และที่สำคัญเราไม่ได้เลือกหรือแต่งตั้งตัวเอง กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ต้องผ่านไม่รู้กี่ด่าน โดยเฉพาะความต้องการของประชาชน ดังนั้นสิ่งที่ดูแล้วไม่เกี่ยวข้องกับทางเดินของเรา เราก็ไม่คิด ตอนนี้คิดแค่ว่านโยบายดีแล้วหรือไม่ ชาวบ้านเชื่อหรือไม่ ผู้สมัครแข็งแรง ขยันลงพื้นที่หรือไม่ ตอนนี้คิดแค่นี้ และขอทำตรงนี้ให้ดีที่สุด.