เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 3 เม.ย. 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ตามที่นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และคณะจำนวน 98 คน เป็นผู้เสนอ

โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ก่อนเสนอญัตติฯ มาตรา 152 รัฐบาลสร้างกระแสจะอภิปรายทำไมยังไม่ใช่งบซักบาท ถือว่าตีหน้าซื่อกลางแดดชัดๆ เพราะแม้งบยังไม่บังคับใช้แต่สามารถใช่งบไปพลางก่อนได้ระหว่าง วันที่ 1 ต.ค. 66-30 เม.ย. 67 ใช้งบประจำและงบลงทุนไปถึงร้อยละ 43.79 ของงบปี 67 ที่บอกไม่ใช้งบซักบาทถือเป็นการแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกประชาชนชัดๆ คำถามคือทำไมใช้เงินไปมากขนาดนี้แต่ยังสอบตก คำตอบคือรัฐบาลมัวแต่ใช้การตลาดนำการบริหาร วันๆ มีแต่อีเวนต์ เช้า สาย เที่ยง เย็น ดึกๆ ยังอีเวนต์ จนคนไทยสำลักอีเวนต์ 6 เดือน นายกฯ อยู่เมืองนอก 52 วัน มีคนถามบินไปทำการตลาดหรือทำการตลก เพราะอยู่เมืองไทยบอกเศรษฐกิจวิกฤติ แต่ไปเชิญต่างประเทศ มหาเศรษฐีที่ไหนจะมาลงทุนในประเทศที่เศรษฐกิจวิกฤติ ถ้ามาเพราะไม่เชื่อนายกฯ แต่เชื่อในระบบเศรษฐกิจของไทย    

“นายกฯ บอกว่าเป็นเซลส์แมน แต่ผมขอถามว่าที่ผ่านมาปิดการขายได้หรือไม่ หรือสัญญาจะซื้อจะขายกับดอกไม้สายลม ทั้งนี้ประชาชนต้องการของจริง ต้องการเห็นนายกฯ บินเหมือนเหยี่ยวมากกว่าแมลงวันที่บินทั้งวัน แต่ไม่ได้อะไร นอกจากสร้างภาพ บินไม่รู้จักเหนื่อย แต่เหยี่ยวบินทีไร ไม่พลาดเป้า เพราะเหยี่ยวไม่ทำการตลาด ผมขอให้นายกฯ รับความเห็นไปพิจารณาบริหารราชการแผ่นดินต่อไป ดังนั้น 7 เดือน รัฐบาลมีปัญหาทุกมิติ การเมือง สังคม เศรษฐกิจและการบริหาร” นายจุรินทร์  กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ตราบใดที่รัฐบาลก้าวไม่พ้นคนชอบอวดบารมี รัฐบาลจะมีปัญหาทางการเมืองตลอดไป และอยากไปโทษคนอื่นว่าก้าวไม่พ้นคนๆ นี้เสียที คนแรกที่ก้าวไม่พ้นคือนายกฯ เพราะวันแรกที่เกิดเหตุการณ์ นายกฯ ถึงขั้นลงทุนนั่งรถประจำตำแหน่งไป “สโลว์ซบ” ถึงบ้าน แถมบอกว่ายินดีให้รัฐมนตรีไปเยี่ยมได้ นอกจากนี้ยังมีปัญหานายกฯ หลายคน นี่คือปัญหาใหญ่ทางการเมืองที่รัฐบาลกำลังเผชิญ มันสะท้อนความไม่เชื่อมั่น ทำให้คนเข้าใจว่านายกฯ ไม่ได้มีแค่ “นายกฯ นิด” ยังมี “นายกฯ ใหญ่” และ “นายกฯ เล็ก” ทำให้เกิดปัญหาการบริหาร และปัญหารัฐบาลเต็มไปด้วยรัฐมนตรีไร้ประสิทธิภาพ มีทั้งโลกลืม ผิดฝา ผิดตัว ต่างตอบแทน ทำการเฉพาะกิจ และรัฐมนตรีที่โลกเซ็ง ไม่ลืมแต่เซ็ง คนหนึ่งคือรมว.คลัง จ้องแต่แยกเขี้ยวใส่ผู้ว่าการแบงก์ชาติ แต่งานในหน้าที่ทำได้ไม่เข้าเป้า รายได้ 4 เดือนต่ำกว่าเป้า ฝากนายกฯ ปรับ ครม.เที่ยวนี้ช่วยดูแล “รมต.ที่โลกเซ็ง” ด้วย ส่วนปัญหาดิจิทัลวอลเล็ต คนไทยหลายคนเลิกเชื่อเบื่อทวง แต่ที่บอกว่าจะทำงบปี 68 ขาดดุล 1.5 แสนล้าน แปลว่าไม่มีอะไรใหม่ ยังกู้มาแจกเหมือนเดิมเปลี่ยนแต่วิธีการ ส่วนที่บอกราคายางดีขึ้นนั้น ขอแสดงความยินดีรัฐบาล เข้ามาไม่กี่วันบุญหล่นทับถุงเท้าบวม แต่ที่ยางขึ้นไม่ใช่ปราบยางเถื่อนอย่างเดียว แต่มีสาเหตุอื่นอีก อาทิ ผลผลิตยางในตลาดน้อย ยุโรปออกระเบียบห้ามนำเข้ายางในพื้นที่ทำลายป่าในปลายปี 67 ที่สำคัญตอนนี้ยางในประเทศไทยอยู่นอกฤดู ก็อยากให้รัฐบาลเตรียมการรับมือดูแลราคายางด้วย

นายจุรินทร์ อภิปรายอีกว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดที่รัฐบาลต้องแก้ เพราะสร้างความเสื่อมให้รัฐบาล เซาะกร่อนบ่อนทำลายรัฐบาลมากที่สุด คือการสร้างยุติธรรมสองมาตรฐาน เป็นผลงานชิ้นเดียวที่รัฐบาลทำได้เร็วที่สุด เป็นคำตอบว่ารัฐบาลนี้เพื่อใคร นั่นคือการสร้าง “นักโทษพันธุ์ใหม่” ที่แม้แต่เทวดาต้องยอมให้ใช้ชื่อ คุกทิพย์ ปลอกคอทิพย์ เลี้ยงหลานทิพย์ สำนึกทิพย์ จนถึงได้คืบเอาศอก ได้ศอกจะเอาวา ซึ่งเกิดขึ้นไม่ได้ถ้านายกรัฐมนตรี  รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ไม่รู้เห็นเป็นใจ เชื่อว่าคนไทยเข้าใจเรื่องบุญคุณต้องทดแทน แต่ต้องไปตอบแทนกันเองส่วนตัว ไม่ใช่เอาบ้านเมืองไปตอบแทน คนหนึ่งได้อำนาจ อีกคนได้อภิสิทธิ์จากการใช้อำนาจ อาจยุติธรรมกับคนสองคนแต่ไม่ยุติธรรมกับประเทศ ว่าแต่การที่นายกฯ เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ใครคือผู้บังคับใช้กฎหมาย นายกฯ ตั้งใจอยู่ 4 ปี ถ้าอยู่เพื่อทำความดีไม่มีใครว่า แต่ถ้าอยู่เพื่อทำความชั่วร้ายให้แผ่นดินปีเดียวก็ไม่ควรอยู่ ตนไม่มีอคติกับนายกฯ เป็นแค่คนไทยคนหนึ่ง ที่มีหน้าที่มาพูดแทนคนรับความยุติธรรมที่น้ำตาตกในต้องทนอยู่กับบาปที่รัฐบาลนี้ก่อขึ้น

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ในฐานะ สส. ขอถามนายกฯ 3 ข้อและขอให้ตอบด้วยตนเอง คือ  1.จะปล่อยให้นำคุกทิพย์โมเดล มาใช้ซ้ำสองหรือไม่  2.ระเบียบใหม่ที่กระทรวงยุติธรรม ทำเรื่องการกำหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธิถูกคุมขังนอกเรือนจำ หรือ ติดคุกที่บ้าน รวมคดีทุจริต มาตรา 157 ที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ หรือไม่  โดยอย่าอ้างว่าขึ้นอยู่กับการประชุม เพราะเป็นลิงหลอกเด็ก เนื่องจากเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาล ที่นายกฯ เป็นหัวหน้า หากปล่อยให้ทำ จะทำให้หลักนิติธรรมของไทยเผชิญวิกฤติ เพราะเกิดจากนักโทษเทวดาตัวใหม่  และ 3. นโยบายการนิรโทษกรรม ขอถามนายกฯ ในฐานะผู้คุมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร และนั่งหัวโต๊ะ ครม.ว่าจะนิรโทษกรรมให้กับคดีทุจริตและปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามมาตรา 157 ด้วยหรือไม่ ทั้งนี้การนิรโทษกรรมเป็นดาบสองคม หากใช้ถูกสร้างปรองดองได้ หากใช้ผิดทางสร้างความขัดแย้ง แตกแยกครั้งใหม่

“ทั้งนี้ผมขอส่งสัญญาณเตือนนายกฯ อย่าได้คืบเอาศอก เพราะเคยมีคนพังเนื่องจากไม่รู้จักพอ เพราะวันนี้มีคนร้ององค์กรต่างๆ เรื่องนักโทษเทวดาทั้งหมด 24 เรื่อง ผมพูดเพื่อเตือนนายกฯ และรัฐบาล ว่าสิ่งที่นายกฯ และพวกทำกับหลักนิติธรรมประเทศไว้จะเป็นระเบิดเวลาระเบิดใส่ตัวเองในอนาคต ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์บันดาลให้ทุกท่านดวงตาเห็นธรรมด้วย” นายจุรินทร์ กล่าว.