จากกรณีชาวบ้าน ต.ช่องสะเดา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พบเสือโคร่งเดินเพ่นพ่านบริเวณสวนของชาวบ้านที่ติดชายเขา รวมทั้งชาวบ้าน ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ก็พบเสือโคร่งเดินริมถนนสายแยก 323 ลงศูนย์ราชการ อ.ไทรโยค โดยเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ร่วมฝ่ายปกครอง เร่งหาตัวเสือโคร่งทั้ง 2 ตัว แต่ยังไม่พบ ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าวันที่ 7 ม.ค. นายอนันต์ โพธิพันธุ์ ผอ.สบอ.3 บ้านโป่ง สั่งการให้ นายไพฑูรย์ อินทรบุตร หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ นายเสรี นาคบุญ หน.ศูนย์ศึกษาธรรมชาติสัตว์ป่าเขาน้ำพุ สพ.ญ.ณฐนน ปานเพชร นายสัตวแพทย์ชำนาญการ สบอ.3 บ้านโป่ง พร้อมนายวสันต์ สุนจิรัตน์ กำนันตำบลช่องสะเดา นำกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 30 คน เดินทางไปตรวจสอบพื้นที่บ้านท่ากะทิ หมู่ 6 ต.ช่องสะเดา อ.เมืองกาญจนบุรี ซึ่งพบรอยเท้าเสือโคร่ง ที่เกิดเหตุพบว่า เป็นไร่ปลูกต้นพะยูงและต้นกระท่อมติดชายเขาที่ทอดยาวเหยียด พบรอยเท้าของเสือโคร่งเดินลัดเลาะริมชายเขา โดยรอยของเจ้าลายพาดกลอนเดินหายไปทางเขา และไม่พบว่า รอยเข้าป่าไปทางด้านใด เนื่องจากพื้นดินแห้งแข็งจนไม่สามารถพบร่องรอย

เสือโผล่! ชาวบ้านผวาเห็นจะจะวิ่งตัดหน้ารถ พ่อเมืองสั่งแกะรอยล่าตัว

นายไพฑูรย์ อินทรบุตร หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการติดตั้งกล้องดักถ่ายรวม 8 ตัว ไว้เป็นระยะๆ ตามแนวชายเขา ที่พบรอยเท้าเสือโคร่ง โดยแจ้งให้เจ้าของไร่รดน้ำต้นไม้ได้แล้ว เชื่อว่าเมื่อพื้นดินเปียก จะพบรอยเท้าเสือได้ชัดเจน จะได้ทราบว่าไปทางไหน อีกทั้งหากกล้องดักถ่ายได้ภาพ ก็จะทราบแน่ชัดในรายละเอียดมากขึ้นว่า เป็นเสือโคร่งขนาดไหน เพศผู้หรือเพศเมีย และเป็นเสือจากป่าไหน

เบื้องต้นเท่าที่ตรวจสอบรอยเท้าเสือโคร่งพบว่า มีขนาดความกว้าง 10 ซม. ยาว 13 ซม. น่าจะเป็นเสือที่มีขนาดใหญ่วัยหนุ่ม อายุระหว่าง 3-5 ปี แต่ก็ต้องได้พบเห็นตัวจากกล้องเสียก่อน จึงจะชัดเจนว่าเป็นเสือใหญ่หรือไม่อย่างไร

ด้านนายวสันต์ สุนจิรัตน์ กำนันตำบลช่องสะเดา เผยว่า ในทุกปีช่วงปลายฝนต้นหนาว ที่ทราบจากชาวบ้านจะพบเห็นเสือโคร่งเดินป้วนเปี้ยนในบริเวณนี้และใกล้เคียง จนแม้เข้าไปในหมู่บ้าน แต่ก็ไม่เคยมีข่าวว่าชาวบ้านหรือสัตว์เลี้ยงถูกเสือทำร้ายเลย เชื่อว่าเป็นเสือที่เดินไปทั่ว ผ่านไปตามอาณาเขตของเขา และไม่เชื่อว่าเป็นเสือที่มีคนเลี้ยงหลุดออกมาเพราะมีชาวบ้านพบเห็นกันทุกปี

หลังเจ้าหน้าที่ทำการติดตั้งกล้องดักถ่ายจนเสร็จเรียบร้อยกำลังเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปยังจุดที่ 2 ที่มีชาวบ้านพบเห็นเสือโคร่งตัวที่ 2 บริเวณจุดชมวิว ถนนสายแยกลงศูนย์ราชการ อ.ไทรโยค ซึ่งเป็นป่าอยู่ด้านหลังของ ม.มหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี โดยมี นายเนรมิต เหลืองอร่าม นายอำเภอไทรโยค นายสุพล คำเสนาะ หน.อุทยานแห่งชาติไทรโยค นำกำลังมาเสริมเพื่อทำการค้นหาเสือโคร่ง

เจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังเข้าตรวจสอบแนวริมถนนพบรอยเท้า ตั้งแต่เสือกระโจนจากริมถนนเข้าป่า แล้วเดินขึ้นเขาเข้าป่าหลัง ม.มหิดลฯ ลัดเลาะไปตามเส้นทางแนวกันไฟ ที่เจ้าหน้าที่ ม.มหิดลฯ ได้ทำไว้ ไปราว 1 กม. แล้วร่องรอยเดินย้อนกลับมาเส้นทางเดิม ราวครึ่งทาง พบรอยเท้าเดินเลี้ยวลงจากเขาออกจากป่า เลาะตามริมถนนแล้วไม่พบรอยอีกเลย โดยหลังมีการพบร่องรอยเสือโคร่ง เจ้าหน้าที่ ม.มหิดลฯ ได้นำกล้องดักถ่ายรวม 10 ตัว ไปติดตั้งบริเวณที่พบรอยเท้า ตามแนวกันไฟ เพื่อตรวจสอบเสือโคร่งต่อไป

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่พบเสือโคร่งทั้ง 2 แห่ง ทั้งมีข่าวจากชาวบ้านหลายแห่งแจ้งมาว่า พบเห็นรอยเท้าเสือโผล่ตรงโน้นบ้าง ตรงนี้บ้าง สร้างความสับสนให้เจ้าหน้าที่เป็นอย่างมาก แต่เจ้าหน้าที่ก็จะไปตรวจสอบในทุกแห่งที่ได้รับแจ้ง รวมทั้งวางกำลังดูแลในบริเวณพื้นที่ซึ่งพบรอยเท้า เพื่อสร้างความอบอุ่นใจให้กับชาวบ้าน