เมื่อวันที่ 17 ม.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุกรณีมีประชาชนถูกดูดเงินออกจากบัญชีธนาคารของตัวเองไปได้โดยที่เจ้าตัวไม่ได้กดลิงค์ หรือให้ใช้งานใดๆ ในโทรศัพท์แล้วหลายราย ซึ่งขณะนี้มีการพุ่งประเด็นไปที่สายชาร์จโทรศัพท์ ว่าอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ถูกมิจฉาชีพดึงเงินออกจากบัญชีผ่านแอพพลิเคชั่นธนาคารที่อยู่ในมือถือของเหยื่อ โดยเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ตอนนี้แอพพลิเคชั่นธนาคารที่เราทุกคนใช้อาจจะไม่ปลอดภัยอย่างที่คิดไว้อีกแล้ว จึงทำให้ประชาชนเริ่มออกมาหาวิธีป้องกันกันเอง เท่าที่ตัวเองจะทำกันได้ อย่างบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี เริ่มมีการปรับตัวหาวิธีการป้องกันแล้วด้วยเช่นกัน

โดย น.ส.สุทธิราภรณ์ เชิดสูงเนิน แม่ค้า ขายกับข้าวที่ตลาดเช้า ภายในเขตเทศบาลหนองฉาง กล่าวว่า หลังมีเหตุประชาชนถูกโอนเงินออกจากบัญชีธนาคารผ่านสายชาร์จโทรศัพท์แล้วหลายราย ตนมีความกังวลอยู่เหมือนกันเพราะต้องใช้แอพทำธุรกรรมอยู่ตลอด เพราะต้องซื้อขายของทำกับข้าว หลังมีเหตุการณ์เกิดขึ้น ก็พยายามติดตามดูว่าสาเหตุที่แท้จริงมาจากอะไร แต่ตอนนี้ก็ป้องกันตัวเองด้วยการไม่นำเงินเข้าบัญชีเป็นหลักเหมือนแต่ก่อนแล้ว จากปกติจะไม่พกเงินสดติดตัวไว้มาก และเน้นใช้โอนจ่ายผ่านแอพธนาคารเป็นหลัก เพราะคิดว่าปลอดภัยกว่าพกเงินสด แต่มาตอนนี้ก็เริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าฝากเงินไว้กับธนาคารจะปลอดภัยได้จริง

ด้าน นางปวิตรา ม่วงเจริญ เจ้าของร้านกาญจนาค้าไข่ ในตลาดสดเขตเทศบาลหนองฉาง เล่าถึงความรู้สึกหลังมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ว่า หลังทราบข่าวแล้วก็แอบตกใจและกังวลด้วยเหมือนกัน เพราะตนนั้นก็มีความจำเป็นต้องใช้แอพพลิเคชั่นธนาคารในการรับและโอนจ่ายตลอดทุกวัน จะให้ถอนการติดตั้งแอพทิ้งก็ไม่ได้เพราะจำเป็นต้องใช้ จึงทำให้ตอนนี้ใช้วิธีป้องกันคือไม่เอาเงินหมุนเวียนไว้ในบัญชีนานและเยอะเหมือนแต่ก่อน ส่วนสายชาร์จแบตก็ใช้แค่ของตัวเองและซื้อมาจากศูนย์โดยตรง เพื่อความสบายใจเอาไว้ก่อน

“ก็อยากให้ธนาคารนั้นช่วยเพิ่มระดับความปลอดภัยให้เพิ่มขึ้นกว่านี้ เพราะเราไว้ใจฝากเงินไว้กับธนาคารก็อยากให้ธนาคารสร้างความมั่นใจให้กับเราด้วยว่า สามารถดูแลเงินของเราได้จริง” เจ้าของร้านขายไข่ กล่าว