เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 23 ม.ค. ที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิพุทธธรรม 31 (ฮุก31) นครราชสีมา เดินทางมาพร้อมรถตู้อาสาฯ ที่ใช้บรรจุร่างของผู้เสียชีวิต รวม 5 คัน จากเหตุการณ์อุบัติเหตุ รถตู้โดยสารยี่ห้อคอมิวเตอร์ หมายเลขทะเบียน 30-0078 อำนาจเจริญ เกิดเสียหลักพุ่งตกร่องกลางถนนบริเวณบนถนนมิตรภาพ ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 99 อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา เมื่อเวลา 21.00 น. ของวันที่ (21 ม.ค.) จนเกิดไฟลุกไหม้ท่วมทั้งคัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถูกไฟคลอกเกรียม รวม 11 ศพ จึงต้องเคลื่อนย้ายร่างผู้ตายมาเพื่อให้แพทย์นิติเวช ทำการผ่าพิสูจน์อัตลักษณ์ยืนยันตัวบุคคล โดยมีกลุ่มญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 11 ศพ เดินทางมา ท่ามกลางบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

นายสุรเดช อ่อนคำ อายุ 41 ปี ช่างรับเหมาเฟอร์นิเจอร์ ญาติผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุถูกไฟคลอก เดินทางมาจาก จ.อำนาจเจริญ เพื่อมาดูศพ ภายหลังจากพบหลักฐานเป็นของใช้ส่วนตัว โทรศัพท์มือถือของภรรยามีร่องรอยไฟไหม้เคสเล็กน้อย และกระเป๋าสตางค์ของลูกสาววัย 7 ขวบ ในที่เกิดเหตุ โดยเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า ในวันเกิดเหตุที่บ้าน พ่อตาได้โทรฯ เข้ามาที่โทรศัพท์ของภรรยาตน แต่ปิดเครื่อง แบตหมดไม่สามารถติดต่อได้ จึงรีบไปดูที่สีคิ้วสถานที่เกิดเหตุ จนมาทราบว่าภรรยาและลูกสาววัย 7 ขวบ นั่งมาจากอำนาจเจริญ ซึ่งแฟนทำงานรับเหมาด้วยกันกับตน ส่วนลูกสาววัย 7 ขวบ เรียนอยู่ โดยมีป้าคอยดูแลรับส่งที่โรงเรียน หลังเกิดเหตุได้ 1 วัน ลูกสาวตนไปเข้าฝันเจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทธธรรม 31 ว่า “ฝากมาบอกว่า ใครเป็นพ่อของเด็กผู้หญิงชื่อน้องน้ำแข็ง อยากใส่ชุดนักเรียน” นายสุรเดช เผยด้วยว่า น้องน้ำแข็งเป็นเด็กเรียนเก่ง ชอบเรียนหนังสือ เพราะบ่นจะไปแต่โรงเรียนอย่างเดียว โดยส่วนใหญ่ตนกับภรรยาและลูก จะใช้รถยนต์ส่วนตัวเดินทางไปไหนมาไหนจนมาเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ และที่ตนแปลกใจคือเอกสารสำคัญไม่ถูกไฟเผาไปด้วย

ด้าน นายสหชาติ ลิ้มเจริญภักดี (ประธานอู๊ด) มูลนิธิเพชรเกษม กล่าวว่า เบื้องต้นทางแพทย์นิติเวชแจ้งว่า จะเร่งรัดพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลให้เร็วที่สุด หลังจากทราบผลดีเอ็นเอของผู้เสียชีวิตทั้ง 11 ศพ แล้วจะแจ้งให้ทราบภายหลัง สำหรับร่างผู้ตายที่นำมาพิสูจน์อัตลักษณ์นั้น ส่วนใหญ่จะถูกไฟเผาเกรียมคล้ายกันทั้งหมด แต่ก็มีบางศพที่ยังบ่งบอกรูปร่าง โดยเฉพาะมีเด็กจำนวน 2 ราย ที่เห็นได้ชัดเจน ส่วนการเคลื่อนย้ายศพครั้งนี้ ได้แจ้งกับญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 11 ศพไว้ว่า เมื่อผลดีเอ็นเอหรือการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลออกว่าเป็นบุคคลใดแล้ว ยินดีจะใช้รถบรรทุกห้องเย็นของตนมาเพื่อเคลื่อนย้ายศพให้กับญาติผู้เสียชีวิต เพื่อนำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น รวมถึงได้ให้ญาติผู้เสียชีวิตที่อยู่ห่างไกล ได้ตั้งกลุ่มไลน์เพื่อรับข้อมูลข่าวสารหรือติดตามความคืบหน้าหลังจากยืนยันตัวบุคคลเสร็จสิ้นแล้ว ก็พร้อมจะไปรับญาติผู้ตายมาเซ็นหนังสือเพื่อรับศพออกไปทำพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิดอีกด้วย.