กรณีน้องวีน อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.พัทลุง สอบผ่านการทดสอบรอบพิเศษของนักเรียนเป็น 1 ใน 8 คน ได้เข้าศึกษาต่อในคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แต่ปรากกฎว่า เป็นกระแสดราม่าขึ้นมาเมื่อทางครอบครัวมีฐานะยากจนเปิดรับบริจาคขอสนับสนุนทุนการศึกษาได้เงินราว 8 แสนบาท และมีเพจดังขุดคุ้ยภาพน้องวีน ใช้ของแพง จนมีการตั้งข้อสงสัยว่า จนจริงหรือไม่นำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ จนมีกระแสลือว่า มหาวิทยาลัยฯ เหมือนจะไม่รับเข้าเรียนในคณะแพทย์ ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

สะพัด! มหาวิทยาลัยส่อไม่รับ ‘น้องวีน’ จนทิพย์ เข้าเรียนคณะแพทย์แล้ว

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามแหล่งข่าวเกี่ยวกับประเด็นการเข้าศึกษาต่อที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ นั้น เบื้องต้นทราบว่า น้องวีน ผ่านการทดสอบรอบพิเศษของนักเรียนภายใน จ.พัทลุง และเป็นโครงการพิเศษห้วยยอดโมเดล ที่เริ่มมาแล้วระยะหนึ่ง ซึ่งเป็นโครงการปฏิรูปการศึกษาของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่จะสร้างแพทย์จากคนในพื้นที่ ที่เข้าใจปัญหาสุขภาพของคนบ้านเดียวกันและในตอนนี้ยังไม่การการตัดสิทธิใดๆ เพราะอยู่ในขั้นตอนที่เด็กสอบได้ และขั้นต่อไปเด็กก็จะต้องทำการยืนยันสิทธิเข้าศึกษาต่อที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในวันที่ 7-8 ก.พ. และจะมีการพิจารณาพร้อมกับประกาศผลผู้ที่ได้รับการคัดเลือดเข้าศึกษาต่อในวันที่ 11 ก.พ.นี้ต่อไป

นอกจากนี้ ทางคณะ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังไม่ได้มีการออกแถลงการณ์ หรือจะให้สัมภาษณ์ใดๆ เกี่ยวกับกรณีนี้ว่า จะเข้าข่ายมีความผิด หรือส่งผลต่อคุณสมบัติของผู้เข้าศึกษาต่อหรือไม่ แต่อาจเป็นไปได้ว่า อยากให้เด็กตัดสินใจด้วยตัวเองก่อนว่า หลังจากสอบได้คณะแพทย์ฯ แล้ว และมีประเด็นดราม่าของครอบครัวเกิดขึ้น ทางครอบครัวจะมีการออกมาชี้แจง และเด็กจะยังคงยืนยันสิทธิเข้าศึกษาต่อหรือไม่ ซึ่งต้องคอยติดตามเมื่อถึงช่วงเวลานั้นอีกครั้ง

ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการเข้าศึกษาที่คณะแพทย์ศาสตร์นั้นทราบว่า ในทุกครั้งที่ทางคณะฯ ออกไปนิเทศ หรือแนะแนวการศึกษาต่อให้กับนักเรียนในพื้นที่ต่างๆ นอกจากการแนะนำคณะ หลักสูตร และโครงการพิเศษต่างๆ ที่มีแล้ว ก็จะมีการแนะนำเกี่ยวกับทุนการศึกษาเล่าเรียนสำหรับเด็กที่สอบได้ แต่ทางครอบครัวอาจจะมีฐานะลำบาก ซึ่งมีการแนะนำช่องทางทั้งเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) หรือหากลำบากไม่มีเงินจริงๆ ก็ยังมีเงินทุนการศึกษา และเงินโครงการต่างๆ อีกมากมาย ที่จะสามารถช่วยสนับสนุนทำให้เด็กสามารถเรียนจนจบแพทย์ได้อย่างไม่ต้องกังวลซึ่งสามารถมาปรึกษาได้เป็นรายๆไป รวมทั้งยังเผยแพร่ผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ และโซเชียลให้ทราบด้วย