เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 29 ม.ค.66 ที่โรงแรมเดอะไซริเวอร์แคว จ.กาญจนบุรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ปราศรัยเกทับว่า ทำประโยชน์ให้ประชาชนมากกว่าหลายรัฐบาล และขอเวลาอีก 2 ปี เพื่อพลิกโฉมประเทศ ว่า 2 ปี พลิกโฉมประเทศ 8 ปีก็พลิกโฉมประเทศ แต่ต้องดูต่อว่า 2 ปี ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร อยู่ที่ประชาชนเลือก เรามีความตั้งใจเหมือนเดิม คือ อยากให้ประชาชนลืมตาอ้างปากได้ ซึ่งเป็นนโยบายของเรา

ทั้งนี้น.ส.แพทอง​ธาร กล่าวด้วยน้ำเสียงอย่างมีอารมณ์ถึงกรณีนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษานายกฯ ฐานะแกนนำพรรค รทสช. ปราศรัยว่าหากยังมีระบบทักษิณบ้านเมืองเหลือแต่เสา ว่าสมัยที่คุณพ่อเป็นนายกฯ ได้ทำนโยบายมากมายให้ประเทศ​ ทุกวันนี้ยังใช้กันอยู่ อันนี้คงไม่ได้เหลือแค่เสา ที่เขาพูดเช่นนี้แค่วาทะทางการเมือง ที่ต้องมาตัดทอนกัน เพราะเราหาเสียงเต็มที่โดยการเอาผลงานที่เคยทำได้จริงมายื่นให้กับประชาชนมาตอกย้ำ แต่เขาไม่มีของจริง เขาก็ต้องนำวาทะแบบนั้นมา ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ตนมองว่าเป็นเรื่องใส่สีทางการเมือง

ส่วนกรณีนายวันชัย สอนศิริ ส.ว. ระบุว่า แม้พรรค พท. แลนด์สไลด์ แต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะไม่สามารถรวมได้ ว่า “เป็นคอมเมนต์ที่แรงมาก ในระบบประชาธิปไตย กล้าคอมเมนต์ออกมาแบบนี้ไม่ดีเลยนะคะ ทำไมไม่เคารพเสียงของประชาชน อิ๊งค์ว่าไม่ใช่คอมเมนต์ที่อยู่ในระบบประชาธิปไตย แล้วเดี๋ยวประชาชนจะเห็นถึงแนวคิดของคนที่ไม่เคารพเสียงของประชาชน ก็เป็นแบบนั้น เป็นเรื่องน่าอาย ไม่ให้เกียรติประชาชน”

ทางด้านนายณัฐวุฒิ กล่าวว่าวานนี้ (28 ม.ค.) ไม่ใช่การเกทับ แต่เป็นการ “เก๊ทับ” มากกว่ากว่า หมายความว่าสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศ กับสิ่งที่ปรากฏกับประชาชน 8 ปี มันสวนทางกัน หากพล.อ.ประยุทธ์ สร้างประโชน์ประชาชนในฐานะนายกฯจริง จะไม่มีพรรคไหนที่สามารถประกาศตัวเป็นคู่แข่งได้เลย ขณะนี้ความนยิมของพล.อ.ประยุทธ์ กลับไปอยู่ลำดับท้ายๆ ดังนั้นการแสดงนโยบายของทุกพรรคก็เป็นสิทธิ แต่การตัดสินใจเลือกก็เป็นสิทธิประชาชน

เมื่อถามว่า ภาพการขึ้นเวมีปราศรัยของพล.อ.ประยุทธ์ เป็นอย่างไร นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นนักการเมืองมาตลอด ตั้งแต่อยู่ในกองทัพ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเมือง เพียงแต่คนพวกนี้ฝังตัวในกลไกรัฐ ใช้อำนาจกองทัพเล่นการเมืองโดยทรัพยากรที่มาจากภาษีประชาชน ฉะนั้นจึงเป็นเพียงปลดหน้ากากออกเพื่อให้ประชาชนเห้นโฉมหน้าที่แท้จริงว่าท่านเป็นนักการเมืองมาตลอด ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จะเดินหน้าต่อไปอย่างไร ก็เป็นโจทย์ระหว่างสองพรรค คือ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กับพรรค รทสช.​ ส่วนพรรค พท. คิดเป็นแต่การแก้ปัญหาประชาชน

ส่วน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค พท.​ กล่าวเสริมว่า หากมองมิติทางการเมืองเป็นการปราศรัยที่ต้องระวังข้อกฎหมาย จะเป็นการใส่ร้ายทางการเมืองหรือไม่ก็ต้องพิสูจน์​ ระหว่างระบบทักษิณ ที่เขาพยายามยกเป็นวาทกรรมปลุกขึ้นมา กับระบอบประยุทธ์ ใน 8 ปี ที่ประชาชนเห็นต่างประจักษ์ว่าเป็นอย่างไร ทั้งนี้ เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจก็ทำลายทุกอย่าง โดยเฉพาะสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย ดังนั้นก็ต้องพิสูจน์ว่าระบบไหนเป็นที่ยอมรับของประชาชน

“การกล่าวหาว่าโกงทั้งตระกูล เป็นการใส่ร้ายอย่างแน่นอน ขอฝากให้ระมัดระมัง เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ อายุมากแล้ว สมองควรมากตามอายุไปด้วย” นพ.ชลน่าน กล่าว

โดยนายณัฐวุฒิ กล่าวเสริมว่า แบบนี้ออกลูกอันธพาล ยิ่งกว่าจะข่มขู่คุกคาม เป็นการกดหัวประชาชนทั้งประเทศ เป็นการเหยียบย่ำอำนาจอธิปไตยของประชาชนทั้งประเทศ​และนี่คือเหตุผลครั้งสำคัญ ที่พรรค พท. ต้องแลนด์สไลด์ในครั้งน้ี เพราะถ้าชนะไม่ขาด สิ่งที่คนพวกนี้คิดจะเกิดขึ้น และจะยาวไปถึงแก้วาระนายกฯ 8 ปี และจะยาวไปถึงอีกทุกอย่าง เพื่อให้เขารักษาอำนาจไว้ได้ เราจึงมีที่พึ่งเดียวคือประชาชน และตนไมเชื่อว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านได้คะแนนรวมกันได้เกิน 300 ที่นั่ง แล้วจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ถ้าคิดจะทำแบบนั้น มาพิสูจน์กัน

เมื่อถามว่า หากพรรค พท. ได้เสียงเกิน 250 เสียง ส.ว.ควรโหวตตามเสียงประชาชนหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่าเราประกาศเอา 250 เสียง เพื่อให้เท่าแต้มต่อของ ส.ว.หากเราได้เสียงข้างมาก เชื่อว่า ส.ว. จะมีจิตสำนึก ความรับผิดชอบ ที่เห็นว่าประชาชนให้อาณัติกับพรรค พท. คุณไม่มีสิทธิปฏิเสธเป็นอื่นต้องมาร่วมโหวตนายกฯ ส่วนจะโหวตเลือกใครก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าเราได้ 250 แต่ ส.ว. โหวตให้พล.อ.ประยุทธ์ หรือใครมาเป็นนายกฯ ด้วยเสียงข้างน้อยมาเป็นรัฐบาลเท่ากับเป็นการทำร้ายประเทศชาติประชาชน แล้วจะรอดได้อย่างไร แค่พิจารณางบประมาณก็ไม่ผ่านแล้ว เดือนเดียวแค่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจก็จบแล้ว ดังนั้นคุณจะทำไปทำไม

เมื่อถามว่า ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มีการประกาศใช้แล้ว จำเป็นต้องยุบสภาฯหรือไม่ นพ. ชลน่าน กล่าวว่า กฎหมายลูกกับการยุบสภาฯ เป็นคนละเรื่องกัน แต่ความเหมาะสมเมื่อมีกฎฑหมายแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ควรคืนอำนาจให้กับประชาชนได้.