เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 1 ก.พ. นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมด้วย น.ส.วิกานดา สุขเอี่ยม อายุ 30 ปี  ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี ลูกชาย นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี เดินทางมาที่ สภ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เพื่อเข้าพบ พ.ต.ท.ยุทธภูมิ โพธิ์อุดม รอง ผกก.สอบสวน สภ.ธัญบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี

นายเอกภพ เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยน้องเรียนอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ชั้น ม.2 โดยถูกรุ่นพี่ ม.3 ยกพวก 16 คน มารุมทำร้ายร่างกายในห้องเรียนช่วงพักเที่ยง น้องแทบหมดสติ สาเหตุมาจากวันนั้น ผู้ได้รับบาดเจ็บได้ขี่รถ จยย. ไปโรงเรียน พอจอดรถเสร็จ รุ่นพี่ ม.3 จำนวน 1 คน ได้เดินเข้ามาเพื่อจะยืมรถ แต่ผู้ได้รับบาดเจ็บไม่ให้ จึงเกิดการดึงรถกัน จนเกิดการกระชากคอ มีการถีบ สุดท้ายมีการชกต่อยกัน ปรากฏว่ารุ่นพี่ ม.3 ชกต่อยสู้ไม่ได้ ครูได้มีการเรียกมาเคลียร์กันแล้ว ซึ่งน้องก็จบไป ตอนเที่ยงรุ่นพี่ไม่จบ โดยไปตามเพื่อนมาเกือบ 20 คน แต่มีการทำร้ายร่างกายประมาณ 16 คน ทั้งเตะต่อยในห้องเรียน ซึ่งหลังเกิดเหตุ ทางโรงเรียนไม่ได้โทรฯ มาแจ้ง ทางแม่ทราบ เพราะว่ารุ่นพี่ที่ทำร้าย มีการนำคลิปที่ถ่ายไว้ไปปล่อยประจานน้อง พอแม่ทราบเรื่องจึงพาลูกมาแจ้งความและมาติดต่อทางโรงเรียน ทางโรงเรียนบอกว่าวันจันทร์มาคุยกัน เพราะคิดว่าทางโรงเรียนจะมีการดำเนินการกับนักเรียนรุ่นพี่ที่มาทำร้ายบุตรชาย ปรากฏโรงเรียนทำได้เพียงว่ากล่าวตักเตือนและทำทัณฑ์บนไว้ แม่ก็กลัวว่าตัวลูกจะไม่ปลอดภัย น้องเองก็กลัว พอวันจันทร์มา รุ่นพี่ยังมาบอกว่ามึงแจ้งความจะเอาเพื่อนกูติดคุกเหรอ เดี๋ยวมึงเจอกันอีก วันนี้ก็เลยมาตามคดีที่ สภ.ธัญบุรี

“อยากจะฝากถึงกระทรวงศึกษาธิการ หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในโรงเรียน ผู้บริหารสถานศึกษาควรรับผิดชอบหรือไม่ เพราะโรงเรียนควรเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ยังหาความรับผิดชอบจากโรงเรียนไม่ได้เลย เข้าใจว่า นร.ชั้น ม.3 ที่กำลังจะจบการศึกษา หากทางโรงเรียนไปทำอะไรอาจจะเสียอนาคต แต่ต้องมองถึงผู้เสียหายด้วย การที่โรงเรียนมาบอกว่า ตอนที่เขาชกต่อยกัน ตอนแรกเด็ก ม.3 สู้น้องไม่ได้ ก็ไปต่อยเขา คุณต้องไปดูว่าใครเป็นฝ่ายที่มาหาเรื่องเขาก่อน” นายเอกภพ กล่าว

ด้าน น.ส.วิกานดา มารดาเปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ ผู้ปกครองของคู่กรณีลูกทุกคนยังไม่มีการติดต่อมา ทางโรงเรียนก็ยังไม่มีการติดต่อมาอีก ตนเองเข้าใจหัวอกพ่อแม่ลูกทุกคน อาจจะไม่ได้อยู่กับลูกตลอดเวลา แต่เราต้องรับรู้พฤติกรรมลูกเขาเป็นอย่างไร ควรมีบทลงโทษ ผู้ปกครองต้องรับรู้ สำหรับเหตุการณ์นี้ตนเองจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

พ.ต.ท.ยุทธภูมิ โพธิ์อุดม รอง ผกก.สอบสวน สภ.ธัญบุรี กล่าวว่า ในวันนี้ช่วงบ่าย มีการประสานส่วนเกี่ยวข้องในการร่วมสอบสหวิชาชีพ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป