โดยเฉพาะ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โชว์เดี่ยวเดินเช็กเรตติ้งในเมืองกรุง เริ่มตั้งแต่เดินชิลชิลเยาวราช ช่วงเทศกาลตรุษจีน ก่อนสัปดาห์ต่อมา เดินซื้อแกงที่ตลาด อ.ต.ก. และล่าสุดช่วงเช้าวันหยุด สวมชุดวอร์มกีฬา เดินออกกำลังที่สวนลุมฯ พร้อมทักทายประชาชน

ต้องบอกว่า “กัปตันทีมค่ายพลังประชารัฐ”  จัดคิวเดินสายหาเสียงต่างจังหวัด ประชันกับ “น้องรัก” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์การเมือง แบบชอตต่อชอต แสดงความเก๋าเกมทางการเมือง สะท้อนประสบการณ์เกลือกกลั้วกับวงการนักเลือกตั้งอาชีพมาอย่างยาวนาน ในลีลาเซียนการเมืองยกให้ “พี่ใหญ่” ฟอร์มจัดจ้าน สะท้อนความเป็นธรรมชาติของนักเลือกตั้งอาชีพ ที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อคะแนนเสียง

“พี่ใหญ่ใจบันดาลแรง” ตุนแต้มไว้แต้มอัตรา ลงพื้นที่แต่ละครั้งทั้งเต้น ทั้งรำ ทั้งกอด ทั้งหอม หยอดลูกอ้อน กลบอาการกระย่องกระแย่ง หายเป็นปลิดทิ้ง ครบเครื่องทั้งบุ๋นและบู๊ แต่ทั้งหมดทั้งมวล จุดได้เปรียบของ “พี่ใหญ่” คือ “คั่วไพ่หลายหน้า” มีซูเปอร์คอนเนกชั่นไปทุกวงการ ไม่เว้นกับ “นายใหญ่-นายหญิงดูไบ” หากเทียบกับ “บิ๊กตู่” ที่คั่วไพ่หน้าเดียว นั่นคือต้องทำให้ “ค่ายรวมไทยสร้างชาติ” โกยแต้มให้ได้เกิน 25 เสียงขึ้นไป เพื่อบวกกับ ส.ว. ลากตั้ง และอาศัยพรรคร่วมรัฐบาลชุดเดิม ในการหนุนขึ้นแท่นเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ค่ายพลังประชารัฐ” กำลังไต่ระดับกลับมาแข็งแกร่งเหมือนวันเก่า เริ่มรวบรวมแม่ทัพนายกองกลับมาได้เป็นกลุ่มก้อน ทีมบ้านใหญ่หลายก๊วน ถูกสะกดอยู่หมัด ไม่ย้ายค่ายหนี ทั้งกลุ่มโคราช ,กลุ่มเพชรบูรณ์, กลุ่มปากน้ำ, กลุ่มกำแพงเพชร เพิ่มเติมทีม 4 กุมาร ขออยู่ร่วมรังต่อ หรือแม้แต่มุ้งใหญ่สุด “ก๊วนสามมิตร” ก็สวามิภักดิ์อยู่ที่เดิม อาจจะมีแตกเซลล์ย้ายออกไปบ้าง ก็แค่บางส่วน ไม่กล้ายกทัพหนีไปทั้งหมด เซียนการเมืองเขี้ยวลากดินประเมินทิศทางลมแล้ว ต้องร่วมหอลงโรงกันต่อไป แลกโอกาสได้เป็นรัฐบาลสูงถึง 99% 

เมื่อเป็นเช่นนี้ เป็นไปได้สูงที่ “ค่ายพลังประชารัฐ” อาจจะได้กลับมาเป็นรัฐบาล เพราะยังมีฐานเสียงของ ส.ส. เป็นเครื่องการันตีอยู่ในมือ แม้จะโดนตกปลาในบ่อออกไปเยอะก็ตาม แต่หลายคนวิเคราะห์ล่วงหน้าไปแล้วว่า “บิ๊กป้อม” และพรรคพลังประชารัฐ จะเป็น “ตัวแปร” ในการจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะอย่าลืมว่า พล.อ.ประวิตร มีที่ปรึกษาทางการเมืองเหมือนกัน เช่นเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ มีที่ปรึกษาทางการเมือง

ทั้งหมดนี้จึงต้องติดตามต่อว่า จุดสุดท้ายของการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้จะออกมาอย่างไร “ดีล” จัดตั้งรัฐบาล จะ “พลิกขั้ว” หรือกลายเป็น “ขั้วเดิม” หลัง พล.อ.ประวิตร ปลดห่วงออกจากการแบกภาระหนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯเรียบร้อย ชูนโยบายพรรค พปชร. ก้าวข้ามความขัดแย้ง พร้อมแล้วจะขึ้นเป็นนายกฯ คนที่ 30 ตามเสียงเชียร์ของใครหลายคน คงต้องติดตามบทสรุปจะเป็นอย่างไร อีกไม่นานเกินรอ.