เป็นอีกหนึ่งข่าวเศร้า หลังแฟนเพจ “เชียงใหม่ที่คุณไม่เคยเห็น” ได้เผยแพร่ข่าวว่า “พระนางสุจันทรี” มหาเทวีองค์สุดท้ายแห่งเมืองสีป้อ รัฐฉาน ได้สิ้นแล้วด้วยวัย 91 ปี จากหญิงออสเตรีย ผู้สร้างตำนานรักข้ามแดนกับเจ้าฟ้าจ่าแสง เจ้าฟ้าแห่งเมืองสีป้อของรัฐฉาน ไทใหญ่ นั้น
-สิ้นแล้ว ‘พระนางสุจันทรี’มหาเทวีองค์สุดท้ายแห่งเมืองสีป้อรัฐฉานในวัย91ปี

สำหรับเส้นทางความรักของบุคคลทั้งคู่ถือ ได้ว่าเป็นตำนานที่หลายๆ คนยากจะลืมเลือน เพราะเป็นเรื่องจริงที่ยิ่งกว่านิยาย..
โดย อิงเก้ อีเบอร์ฮาร์ด (Inge Eberhard) อายุ 19 ปี ผู้ได้รับทุนฟูลไบรท์ เพื่อศึกษาวิชาการพยาบาล มาจากเวียนนา ประเทศออสเตรีย พบรัก เจ้าชายจ่าแสง ในปี 2494 ที่มหาวิทยาลัยเดนเวอร์ สหรัฐ ชายหนุ่ม จากประเทศพม่า วัย 27 ปี นักศึกษาเหมืองแร่ปี 3 ของ Colorado School of Mines ทั้งคู่แต่งงานกันที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยฝ่ายสาวก็คิดว่าสามีเป็นวิศกรธรรมดาเท่านั้น

เจ้าชายจ่าแสงคนนั้นไม่เคยเปิดเผยฐานะ “เจ้าฟ้าหลวง” (“saohplong”) แห่งนครสีป้อ รัฐฉาน ตั้งแต่ปี 2490 ให้เธอทราบเลย มารู้เรื่องอีกทีตอนเรือที่พาทั้งสองมาเทียบท่าพม่า เมื่อเดือนมกราคม 2497 เธอต้องรู้สึกแปลกใจที่มีผู้คนมาต้อนรับกันล้นหลามและโปรยข้าวตอกดอกไม้ สามีจึงบอกความจริงที่ยังบอกเธอไม่หมดให้ทราบว่า แท้จริงแล้วเขามีฐานะเจ้าฟ้าหลวง หมายความว่าเป็นเจ้าซึ่งปกครองนครรัฐแห่งหนึ่งในรัฐฉาน จนสุดท้าย อินเก้ ได้ชื่อใหม่เป็น “Sao Nang Thusandi” แปลว่า เจ้าหญิงแห่งสันติมื่อได้เป็นมหาเทวีแล้ว ชีวิตก็ราวกับฝัน มีข้าทาสบริวานล้อมรอบ ซึ่งต่อมาพระนางสุจันทรีมหาเทวี ได้ให้กำเนิดพระธิดา 2 พระองค์ คือ “เจ้าเกนรี” และ “เจ้ามายารี”

ทั้งสองพระองค์ถือได้ว่าเป็นเจ้าฟ้านักพัฒนามาก โดย เจ้าจ่าแสง ได้พัฒนาบ้านเมืองในด้านต่างๆ ทั้งการศึกษา การปกครอง ระบบเศรฐกิจ ส่วนพระนางสุจันทรี ก็เริ่มเรียนภาษาไทใหญ่ และทำงานพัฒนาด้านสุขอนามัย การแพทย์ พยาบาล

จนเมื่อประเทศอังกฤษได้ปลดปล่อยพม่าให้เป็นอิสระ ชนกลุ่มต่างๆ ได้เข้าร่วมทำสัญญา “ปางโหลง” ว่าด้วยรัฐต่างๆ ของพม่ายอมอยู่ใต้การปกครองพม่าเป็นเวลา 10 ปี เมื่อครบสัญญาก็แยกตัวเป็นอิสระได้ แต่แล้วในปี พ.ศ. 2505 ระบบที่ปกครองด้วยเจ้าฟ้าของเมืองต่างๆ ในรัฐไทใหญ่ มีอันต้องล่มสลายไป เมื่อนายพลเนวิน ได้ทำการปฏิวัติยึดอำนาจ และแต่งตั้งรัฐบาลทหารได้ฉีกสัญญา ไม่ยอมให้รัฐต่างๆ เป็นอิสระ ทางเจ้าฟ้าเมืองต่างๆ ได้ถูกรัฐบาลนายพลเนวินกำจัด เพราะไม่ต้องการให้แยกรัฐ ส่วนเจ้าจ่าแสงได้ถูกจับไป และหายสาบสูญอย่างไร้ร่องรอยจนถึงปัจจุบัน

หอคำเจ้าจ่าแสงแห่งเมืองสีป้อ

ส่วนพระนางสุจันทรีมหาเทวีและพระธิดา ก็ถูกคุมขังอยู่ในหอหลวงเมืองสีป้อ ก่อนจะถูกผลักดันออกจากประเทศพม่า โดยทรัพย์สินทั้งหมดในพระราชวัง ได้ถูกทางการพม่ายึดไปหมด เหลือติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น เช่น แหวนที่ได้รับพระราชทานจาก เจ้าจ่าแสง โดยพระนางสุจันทรีมหาเทวี และพระธิดาทั้งสอง ได้ขอกลับออสเตรีย โดยไม่มีเงินติดตัวเลย

ปัจจุบัน อดีตมหาเทวีสุจันทรี เป็นครูสอนภาษาเยอรมันในไฮสกูลแห่งหนึ่งในอเมริกา และได้แต่งงานใหม่กับ แทด เซอร์เจนต์ ในปี 2511 ซึ่งเป็นสาเหตุที่เธอใช้นามสกุลเซอร์เจนต์ เธอและสามีที่ได้ร่วมเขียนชีวประวัติของเธอ ยังได้ร่วมกันก่อตั้งองค์กร Burma Lifeline เพื่อช่วยเหลือชาวพม่าผู้อพยพตามชายแดน และเมื่อเช้าของวันที่ 6 ก.พ. 66 เจ้านางสุจันทรีมหาเทวีของเจ้าจ่าแสง เจ้าฟ้าหลวงเมืองสีป้อ รัฐฉาน ถึงแก่กรรมที่บ้านพักในสหรัฐ ด้วยอายุ 91 ปี

…จากคนธรรมดากลายเป็น “พระนางสุจันทรี” มหาเทวีของผู้ครองนครที่มั่งคั่งไปด้วยลาภยศเงินทอง เปรียบดั่งตำนานซินเดอเรลล่าแห่งรัฐฉาน แต่สุดท้ายมลายหายสิ้นไปทุกสิ่งทุกอย่าง คงเหลือไว้แต่ความทรงจำ 70 กว่าปีที่ผ่านมา…

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @เชียงใหม่ที่คุณไม่เคยเห็น, @เปาบุ้นจุ้น