นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีที่บริษัทด้านพลังงานไฟฟ้าของภาคเอกชนมีผลประกอบการในปี 65 โดยมีกำไรเป็นหมื่นล้านบาท ขณะที่ประชาชนต้องเสียค่าไฟฟ้าแพง ว่า ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องรื้อโครงสร้างค่าไฟฟ้าอย่างจริงจัง เนื่องจากมีการตั้งคำถามในวงกว้างว่า ทำไมกลุ่มโรงไฟฟ้าภาคเอกชนหลายแห่งถึงมีกำไรสูงมาก บางแห่งสูงเป็นประวัติการณ์ สวนทางกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. กลับต้องแบกหนี้แสนกว่าล้านบาท โดยเฉพาะการเจรจาลดค่าความพร้อมจ่ายไฟเข้าระบบ หรือค่าเอพี ของโรงไฟฟ้า เพราะปัจจุบันธุรกิจโรงไฟฟ้าเป็นเสือนอนกินมานาน

ขณะที่ปัจจุบันคนไทยกำลังเผชิญกับวิกฤติพลังงาน และปัญหาสำรองไฟฟ้าสูงเกินกว่าความต้องการ โดยปัจจุบันมากกว่า 52% จากปกติควรอยู่ที่ 15% ถือเป็นภาระต้นทุนของประเทศในระยะยาว เพราะต้องจ่ายค่าเอพี และการเดินโรงไฟฟ้าที่ไม่เต็มกำลังการผลิตจะมีต้นทุนที่สูง สุดท้ายภาระจะถูกผลักมาที่ผู้บริโภค ต้องมีต้นทุนการผลิตไฟที่แพง

“มีการตั้งคำถามกันเยอะมากว่า ทำไมกลุ่มโรงไฟฟ้าถึงมีกำไรสูงมาก แต่ กฟผ. กลับต้องแบกหนี้ กระทรวงพลังงาน หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องเจรจาลดค่าเอพีลงได้หรือไม่ในช่วงนี้ เพื่อลดภาระให้กับคนไทยทั้งประเทศ โดยเอกชนกลุ่มโรงไฟฟ้าอาจลดกำไรเหลือ 5% จากปกติอยู่ที่ 10-20% หากทำได้โครงสร้างต้นทุนค่าไฟจะถูกลงแน่นอน”  

ด้านรายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งผลการดำเนินงานปี 65 ต่อ ตลท. โดยมีกำไรสุทธิ 11,418 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,748 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 48.9% และมีรายได้รวม 101,397 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48,527 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 91.8% ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่ 79% มาจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ จำนวน 80,750 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 101% จากปีก่อน เนื่องจากการรับรู้รายได้ของโครงการโรงไฟฟ้าจีเอสอาร์ซี หน่วยที่ 3 และ 4 ใน จ.ชลบุรี รวมทั้งยังมาจากราคาขายไฟฟ้าต่อหน่วยและค่าเอฟทีหรือค่าไฟฟ้าผันแปร ที่ปรับเพิ่มสูงตามต้นทุนก๊าซธรรมชาติ

ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากธุรกิจพลังงานหมุนเวียน 8,486 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.7% รายได้จากธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค 4,212 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,488.1% และมีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม และการร่วมค้า 6,321 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากอินทัช นอกจากนี้ บมจ.กัลฟ์ฯ ยังรายงานต่อ ตลท. ด้วยว่า มีต้นทุนการขายที่ 70,531 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 107.3% จากปีก่อน เนื่องจากปริมาณการขายเพิ่มขึ้นจากการเปิดดำเนินงานของโรงไฟฟ้าในกลุ่มบริษัทฯ และต้นทุนเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อหน่วยเพิ่มขึ้นตามทิศทางราคาค่าก๊าซธรรมชาติ

ล่าสุด วันที่ 31 ธ.ค. 65 กัลฟ์ มีสินทรัพย์รวม 418,172 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.3% และมีหนี้สินรวม 282,370 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.7% จากปีก่อน ขณะที่เงินสด และรายการเทียบเท่าเงินสด เท่ากับ 39,194 ล้านบาท โดยคณะกรรมการบริษัทมีมติให้จ่ายปันผลที่หุ้นละ 0.60 บาท ล่าสุด วันที่ 17 ก.พ. ราคาหุ้นกัลฟ์ ปิดตลาดที่ 54.25 บาท ต่อหุ้น ปรับขึ้นจากเมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่ผ่านมา 0.25 บาทต่อหุ้น

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า หากจะพิจารณาว่า ค่าเอพี เป็นส่วนหนึ่งหนึ่งที่ทำให้เอกชนกลุ่มโรงไฟฟ้า กำไรพุ่งสูงนั้น ต้องไปวิเคราะห์เจาะลึกในรายละเอียดอย่างรอบด้านว่า กำไรที่ปรับสูงขึ้น เป็นผลมาจากการทำธุรกิจอะไรบ้าง โดยเฉพาะบริษัทใน ตลท. จะมีการชี้แจงว่า ผลประกอบการ กำไร มาจากส่วนไหนบ้าง เพราะค่าเอพี เป็นสัญญาระยะยาว ที่กลุ่มโรงไฟฟ้าจะได้คงที่ในทุกๆ ปี จึงต้องเข้าไปเจาะรายละเอียด