เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 23 ก.พ. ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศวฮ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เยี่ยมชมความก้าวหน้าของ งานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมฮาลาล โดยมี พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ต้อนรับ
สำหรับศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล เป็นหน่วยงานที่ได้รับการยอมรับว่า เป็นสถาบันด้านวิทยาศาสตร์ฮาลาลแห่งแรกในโลก และเป็นต้นแบบให้เกิดการพัฒนางานด้านวิทยาศาสตร์ฮาลาลในหลายประเทศมุสลิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งมีการแข่งขันสูงด้านการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารและการเกษตรสู่กลุ่มประเทศมุสลิมที่เป็นสมาชิกองค์การความร่วมมืออิสลามหรือโอไอซี
ทั้งนี้ ก่อนที่นายกรัฐมนตรี ขึ้นกล่าวมอบนโยบาย ศ.ดร.จักรพันธ์ สุทธิรัตน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ขึ้นกล่าวต้อนรับว่า กราบเรียนท่านนายกรัฐมนตรี “พล.อ.ประวิตร” ก่อนจะรีบขออภัยและระบุว่าตื่นเต้น ทำให้ผู้ที่มาร่วมงานภายในห้องต่างพากันหัวเราะ
ด้าน รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผอ.ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มอตโต้ของนายกฯ ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ ตรงกับคำในศาสนาอิสลาม ที่แปลว่า เราได้รับทราบแล้วและเราได้ปฏิบัติแล้ว พอได้ยินคำนี้จากนายกรัฐมนตรีว่านี่คือความโปรดปราน เพราะเราฟังอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องปฏิบัติด้วย ซึ่งถือได้ว่าเป็นแนวคิดเดียวกัน นอกจากนี้ยังกล่าวอีกว่า ลูกเขยของตนเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตสวนหลวง พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งต้องขอบคุณนายกรัฐมนตรีเป็นอย่างยิ่งที่ให้ความไว้วางใจ
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า วันนี้มีความสุขอีกวันได้มาร่วมงาน ทุกคนที่นั่งแถวหน้ารู้จักกับโปรโมตตั้งแต่ปี 2557 ที่ตนเข้ามาบริหารประเทศและจำได้ว่าได้มีการพูดคุยกันว่าจะเกิดการวิจัยพัฒนามากขึ้น วันนี้จึงได้เห็นถึงโอกาส ซึ่งเราเป็นประเทศที่ทำการเกษตรกรรมเป็นหลักและต้องเพิ่มรายได้อุตสาหกรรมไปด้วย โดยมีเรื่องปศุสัตว์และอาหารแปรรูปต่างๆ ขอชื่นชมการทำงานในระบบการทำฮาลาล ซึ่งตนเคยเปิดดูยูทูบเห็นร้านอาหารต่างประเทศ เป็นร้านเฉพาะมีเป็นร้อยยี่ห้อ ก็อยากให้ของไทยเข้าไปอยู่ในนั้น ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน Soft Power ที่เราต้องขับเคลื่อนให้ได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้ยังเจอปัญหาอยู่เยอะ ตนอยากพูดให้ประชาชนเข้าใจว่าเราทำอะไรไปแล้ว อะไรที่ทำได้ ตนก็ต้องทำและทำให้เสร็จ อะไรไม่เสร็จก็ต้องรับฟังความเห็นและอะไรทำใหม่และทำต่อ ตนคิดแบบนี้มาตลอดหลายปี หลายอย่างคืบหน้าหลายอย่างมีอุปสรรคต้องแก้ไขปัญหา ขณะที่นโยบายรัฐบาลเน้นการวิจัยและพัฒนา เพราะการเพิ่มมูลค่าอาหาร สินค้าต่างๆ ของเรา วันนี้ผลิตแบบเดิมๆ เดิมๆ ขายไม่ออกแล้ว จคงมาเน้นในเรื่องวิจัยพัฒนา โดยเฉพาะเรื่องการออกแบบ packaging ที่เป็นแรงจูงใจให้คนนิยมซื้อ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนชื่นใจและดีใจที่ได้มาเห็นความคืบหน้าด้วยตนเอง เห็นรอยยิ้มทุกคน ขอชื่นชมและคิดว่าเป็นสิ่งที่เราต้องทำต่อไปใครเป็นรัฐบาลต้องทำเพื่อประเทศชาติที่รักยิ่งของเรา นอกจากนี้ ตนไม่เคยเข้ามาศูนย์ที่นี่มีคนบอกว่ายังเล็กไปหน่อย ตนก็ได้ยิน แต่ค่อยว่ากันวันหลัง ซึ่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีกระทรวง อว. ดูแลอยู่แล้ว วันนี้ตนให้สัญญาไม่ได้ เข้าใจนะ เดี๋ยวหาว่ามีความผิดอีก วันนี้พูดอะไรก็ผิดไปหมด บางครั้งเราก็เจตนาดีที่จะพูดจะสื่อสาร แต่บางครั้งก็ไม่ได้ต้องระมัดระวังให้ตนด้วย ย้ำว่าอะไรที่ควรจะทำก็จะต้องทำ ซึ่งเราพยายามทำหลายๆเรื่องให้เศรษฐกิจดีขึ้น ซึ่งมีทั้ง 2 ส่วนคือระดับบนและระดับระดับฐานราก จึงอยากฝากให้ทุกคนช่วยกันทำฐานรากให้เข้มแข็งด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนอาหารฮาลาลตนกินอาหารได้หมด ตนเป็นคนไทยและเป็นคนง่ายๆ ทานได้หมดไม่ได้เลือกอยู่แล้ว ซึ่งประเทศไทยอยู่ร่วมกันมานานเรื่องศาสนา ขณะเดียวกันวันนี้ตนต้องเตือนเรื่องการลงทุน การค้า และพาณิชย์ในโลกใหม่น่าเป็นห่วงในเรื่องการกีดกันทางการค้าและสงครามต่างๆ ซึ่งตนได้ข้อมูลเรื่องการกีดกันการค้าด้วยสิ่งแวดล้อม ดังนั้นการทำอะไรก็ตามต้องคำนึงสิ่งแวดล้อม เพราะอาจมีการตรวจสอบทั้งหมดและไปสู่เรื่องสั่งซื้อหรือไม่ซื้อ รวมทั้งกติกาและเรื่องภาษีอะไรต่างๆ ตนพยายามแก้ปัญหาเหล่านี้ วันนี้ต้องระมัดระวัง รักกันไม่แยกแยะ แบ่งพวกแบ่งฝ่ายอะไรทั้งสิ้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ย้ำว่าต้องมีหลักคิด Active Learning ภรรยาเป็นอาจารย์ก็สอนตนทุกวัน ต้องคิดให้และสร้างกระบวนการคิดในสมองว่าจะเป็นอย่างไร และมีภูมิต้านทานในหัวเอาวิธีการที่ถูกต้องมาคิด มีไม่ใช่คิดที่ผิดเป็นถูกไม่ได้ อะไรผิดก็คือผิด ขณะเดียวกันหลายอย่างที่ตนพูด ไม่ได้ว่าใคร วันนี้แตะอะไรไม่ได้ ไม่ได้ว่าใครสักที ไม่มีเจตนาทะเลากับใครทั้งสิ้นทะเบาะกับตัวเองก็เหนื่อยพอแล้ว ทะเลาะกับตัวเองทั้งวันไอ้โน่นใช่ไอ้นี่ ไม่ใช่ร้อยอย่างก็ทำได้ 2-3 อย่างเท่าที่ทำได้ ตนต้องไตร่ตรองและต้องคิดให้รอบคอบในฐานะผู้นำประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำว่า อาหารเป็นหนึ่งใน Soft Power หรืออำนาจละมุนของไทย ซึ่งมีหลายอย่างที่ต่างชาติกำลังมาลงทุน ถ้าเราไม่ให้ไม่สนับสนุนก็ไม่เกิด แต่เราต้องให้ในกรอบที่ทำได้วันนี้ยังเจอปัญหาเก่าๆ หลายอย่างต้องแก้ไขให้ได้ เพราะตนห่วงประเทศชาติและประชาชนทุกเรื่อง ไม่ใช่แค่รายใหญ่ รายเล็ก แต่ทั้งหมดคือประเทศไทย และมีอย่างเดียวที่โลกใบนี้เท่าเทียมคือเรื่องโอกาส ถ้าทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน โอกาสก็เพิ่ม ไม่ขัดแย้งกัน ทำประเทศเปลี่ยนไปยุคใหม่ในการพัฒนา โดยทำให้ถูกต้องไม่เอื้อประโยชน์ให้ใคร ขณะที่เงินที่มีอยู่ในปัจจุบันต้องแบ่งเป็น 2 ขา ซึ่งรายรับเพิ่มขึ้นไม่มาก จึงต้องผลิตเหล่านี้มาเพื่อเพิ่มรายได้มากขึ้น และมาดูแลกลุ่มผู้มีรายได้น้อยมากขึ้น วันนี้ใช้เงินตรงนี้เยอะพอสมควรอยู่แล้ว ถ้าจะทำอะไรใหม่ดี คนอยากได้ ถามว่าของเดิมไปไหน ยืนยันตนไม่ค้านกับใคร แต่บางครั้งเสนอมาใช้เงินเก้าแสนล้าน จะเอาเงินจากไหน ซึ่งจะให้ได้มากขึ้นถ้าทำรายได้ให้มากขึ้น
ทั้งนี้ในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรี ฝากความห่วงใยถึงจุฬาราชมนตรีโดยระบุว่า มีความใกล้ชิดและคุ้นเคยกัน ซึ่งมีความเป็นห่วงในเรื่องสุขภาพ และด้านสาธารณสุขพร้อมดูแล.