เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หญิงอายุ 20 ปี ชาว อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ละหานทราย อ.ละหานทราย ให้เอาผิดนายเอ็ม (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี นักฟุตบอลทีมชื่อดังของจังหวัดสุรินทร์ กล่าวหานายเอ็ม ว่า หลอกลวงครอบครัวฝ่ายหญิงสารพัด สูญเงินไปกว่า 300,000 บาท มีทั้งหลอกยืมเงินว่าญาติเสียชีวิตจากโควิด ทั้งเอาทองปลอมหนัก 3 บาท มาให้เพื่อเป็นการยืนยันว่ารักจริงหวังแต่ง และที่ทำให้ครอบครัวหญิงคนนี้ถึงขั้นมาแจ้งความเอาผิด เพราะหลอกให้ครอบครัวฝ่ายหญิง หาฤกษ์แต่งงาน พร้อมกำหนดสินสอดเป็นเงินสด 800,000 บาท ทองคำน้ำหนัก 6 บาท สุดท้ายโดนเทงานแต่ง โต๊ะจีน ของชำร่วย และอื่นที่เตรียมไปแล้วต้องทิ้งเปล่า สูญเงินไปกว่า 300,000 บาท

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านที่จะมีการจัดงานแต่ง ปรากฏว่าไม่พบใครอยู่บ้าน แม่ได้กลับไปขายอาหารที่ตัวจังหวัดบุรีรัมย์ ว่าที่เจ้าสาวไปสอบที่จังหวัดสุรินทร์ พบเพียงภาพเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวที่ถ่ายพรีเวดดิ้งไว้ก่อนหน้านี้เกลื่อนทั่วบ้าน รวมถึงดอกไม้สดที่จัดเวทีถูกทิ้งให้แห้งเหี่ยวโดยไม่มีใครสนใจ

สอบถาม นางโปะ อายุ 56 ปี แม่ของว่าที่เจ้าสาวทางโทรศัพท์ เล่าว่า หลังงานถูกยกเลิก ได้บอกกับลูกสาวว่า ไม่ต้องอายใครอีกแล้วให้เปิดหน้ารับกับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น เพราะไม่อยากให้ใครโดนแบบนี้อีก ยอมรับอยากฆ่าทิ้ง ซึ่งเงินที่เอามาลงในงานแต่งร่วม 300,000 บาท ไปยืมเงินมาจากเพื่อน ๆ รู้สึกเจ็บใจมากเพราะไว้ใจและเชื่อในตัวของฝ่ายชายมาก ไม่เคยเกเร ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ทำให้เราไว้ใจรักเหมือนลูก ดูแล้วน่าจะดูแลลูกสาวเราได้ ส่วนกรณีที่ฝ่ายชายบอกว่าได้แจ้งยกเลิกก่อนแล้วไม่เป็นความจริง มารู้ตอนวินาทีสุดท้ายแล้ว ตอนนี้ไม่มีที่ปรึกษาทางกฎหมายเลยว่าจะเอาผิดเขาได้อย่างไร เพราะตำรวจบอกว่าเป็นคดีแพ่ง ซึ่งทางเราไม่มีเงินจะไปจ้างทนายมาทำคดีให้

ด้าน นายพรศักดิ์ มีแก้ว อายุ 56 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ต.หนองแวง อ.ลำหานทราย เล่าว่า ก่อนหน้านี้เจ้าภาพได้แจกการ์ดแต่งงานไปหลายหมู่บ้าน ตามกำหนดการแล้ววันที่ 25 ก.พ. ตอนเย็น จะมีการกินเลี้ยง วันที่ 26 ก.พ. จึงจะเป็นวันแต่ง แต่ความมาแตกเมื่อวันที่ 24 ก.พ. หลังจากเจ้าบ่าวผิดนัดไม่เอาหมูตัวละ 100 กิโลฯ มาให้ 4 ตัว จึงแนะนำให้เอาทองที่ฝ่ายชายเอามามัดจำไว้ไปตรวจสอบที่ร้านทอง พบว่าเป็นทองปลอม และเจ้าบ่าวก็หายไป รุ่งเช้าวันที่ 25 ก.พ. แม่เจ้าสาวจึงมาขอให้ผู้ใหญ่ประกาศเสียงตามสายว่า “ยกเลิกงานแต่ง” เอาไว้ก่อน หากมีการเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

ผู้ใหญ่บ้าน เล่าด้วยว่า เท่าที่ทราบแม่ฝ่ายหญิงหมดเงินไปเยอะ ตนเองยังโดนยืมเงินไป 70,000 บาท โชคดีที่ยังไม่ได้ใช้ลูกสาวเอามาคืนให้แล้ว เท่าที่เห็นการเตรียมงานแต่งใหญ่มาก ตอนแรกดีใจกับแม่ฝ่ายหญิง หลังทราบว่ามีสินสอดมากกว่า 8 แสนบาท สุดท้ายมาเจอแบบนี้รู้สึกเจ็บแทน

ทั้งนี้ เฟชบุ๊กชื่อ ฮัก “กะยายโปะ” ซึ่งเป็นของฝ่ายหญิง ยังไม่ลบโพสต์ที่โพสต์การ์ดเชิญงานแต่ง พร้อมกับนำข่าวของตนเองไปโพสต์ซ้ำ บางโพสต์เขียนขอรักษาแผลใจ มีคนเข้าไปให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก.