เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566 โดย นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) ให้สัมภาษณ์หลังการประชุม ว่าที่ประชุมเห็นชอบ 3 เรื่อง คือ 1.ให้ความสำคัญรณรงค์เร่งรัดการฉีดวัคซีนพื้นฐานซึ่งที่ผ่นนมามีการฉีดลดลง ทุกพื้นที่ของประเทศไทย จึงให้หน่วยงานต่างๆ ทั้งกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และหน่วยงานบริการนอกกระทรวงสาธารณสุข เช่น กระทรวงอุดมศึกษาฯ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยต่าง ๆ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)

2.ยังเร่งรัดให้มีการฉีดวัคซีนเอชพีวี เนื่องจาก 2-3 ปีที่ผ่านมาขาดช่วงไป มีเด็กประมาณ 1.2 ล้านคนไม่ได้รับการฉีด คณะกรรมการฯ จึงเห็นควรเพิ่มการฉีดอีกนักเรียนหญิง ป.5 เพิ่ม 1.2 ล้านคนเข้าไป และมอบ สปสช.ไปจัดหาวัคซีนเอชพีวีเพิ่ม และ 3.ปรับการฉีดวัคซีนไอพีวี หรือวัคซีนโปลิโอ เข็มที่ 2 เพิ่มเติม เพื่อควบคุมโรคให้ดียิ่งขึ้น และป้องกันการกลายพันธุ์ เนื่องจากขณะนี้มีการระบาดในบางประเทศใกล้ไทย โดยให้กรมควบคุมโรคและ สปสช.ไปดำเนินการจัดหา

นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบระเบียบเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้มีกลไกการจัดหาวัคซีนในภาวะฉุกเฉิน โดยจากการถอดบทเรียนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ซึ่งระเบียบนี้จะทำให้เกิดกระบวนการจัดหาวัคซีนครบถ้วน มีคณะอนุกรรมการที่จะดูแลด้านวิชาการ การต่อรองต่าง ๆ เมื่อมีระเบียบก็จะทำให้กลไกจัดหาวัคซีนชัดเจนขึ้น ซึ่งจะรองรับอนาคตหากมีการระบาดของโรคระบาดร้ายแรง เมื่อมีระเบียบก็จะช่วยให้การดำเนินการต่าง ๆ รวดเร็วขึ้น

“นอกจากนี้ มีการนำเสนอความก้าวหน้าวัคซีนโควิด-19 ของประเทศไทย ทั้งองค์การเภสัชกรรม ได้เริ่มทดสอบในคนระยะที่ 3 ส่วนคณะแพทยศาสตร์จุฬาฯ เริ่มทดสอบวัคซีนที่ผลิตได้เองในประเทศไทย โดยอยู่ระยะที่ 1 ส่วนใบยาก็ระยะที่ 1 เช่นเดียวกัน ทั้งหมดเห็นศักยภาพวัคซีนของประเทศ ทั้งวัคซีนโควิด-19 และฐานต่อยอดในข้างหน้า ทั้งการจัดหาในภาวะเร่งด่วน การพึ่งพาตัวเองในศักยภาพที่เรามี จะทำให้เรามีความพร้อมมากขึ้น” นพ.นคร เปรมศรี กล่าว.