จากกรณีนำเสนอข่าวเพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้านได้โพสต์ข้อความและรูปภาพว่า “ทองอุไรต้นนี้ ราคาต้นละ 6,090.50 บาท ซื้อทั้งหมด 37 ต้น รวมเป็นเงินทั้งหมด 225,348.50 บาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการปรับภูมิทัศน์คลองพังงาของจังหวัดพังงา เมื่อปี 65 พิกัดอยู่ที่หน้าศาลากลางจังหวัด” เบื้องต้นตรวจสอบพบว่าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการปรับภูมิทัศน์คลองพังงา ของจังหวัดพังงา โดยสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพังงา มูลค่าโครงการ 30,000,000 บาท วันเริ่มสัญญา 22 ต.ค. 2564 วันสิ้นสุดสัญญา 19 ส.ค. 2565 ดำเนินการจัดจ้างโดยวิธี “คัดเลือก” โดยล่าสุดทางเพจได้โพสต์ข้อความและรูปภาพเพิ่มเติมว่า “ชุดน้ำพุ 6 ล้าน เปิดได้ 3 วันเกม ต่อเนื่องจากต้นทองอุไร ต้นละ 6,090.50 บาท ก็มีงานชุดน้ำพุ พร้อมอุปกรณ์ครบวงจร มูลค่า 6,000,570 บาท เปิดทดสอบครั้งเดียวใช้ได้สามวัน ก็ไม่เคยเปิดใช้และติดอีกเลย ยังมีรายการอื่นอีกเพียบ รอติดตาม”

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 7 มี.ค. นายเอกรัฐ หลีเส็น ผวจ.พังงา พร้อมด้วย นายเถลิงศักดิ์ นุชประหาร รอง ผวจ.พังงา นำ น.ส.วิชัญญา บำรุงชล โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพังงา น.ส.ณปภัช เพ็งมณี คลังจังหวัดพังงา เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในสำนักงานจังหวัดพังงา และเจ้าหน้าที่นายช่างจากสำนักโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพังงา ลงพื้นที่ตรวจสอบ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จากโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพังงา แจ้งว่าต้นทองอุไร ที่ปรากฏในข่าวนั้นไม่ใช่ต้นทองอุไรในโครงการ ที่ราคาต้นละ 6,090.50 บาท ต้นทองอุไรของโครงการ จะต้นใหญ่กว่า และอยู่ในคอกที่มีไม้ล้อมรอบอยู่ ซึ่งพบว่ามีเหลืออยู่เพียงไม่กี่ต้น ซึ่งยังอยู่ในระยะประกันผลงาน ทางเจ้าหน้าที่ได้ส่งเรื่องให้ผู้รับเหมาเข้ามาซ่อมแซมแล้ว ขณะที่ ต้นรวงผึ้ง ราคาต้นละ 20,098.65 บาท นั้น พบว่ายืนต้นตายอยู่หนึ่งต้น อีกต้นก็โตไม่สมบูรณ์ ในขณะที่ตรวจสอบน้ำพุพร้อมอุปกรณ์อีก 1 ชุด ราคา 6,000,560 บาทนั้น พบว่าไม่สามารถเปิดได้ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าระดับน้ำในบึงน้ำไม่พอ และไม่สามารถดึงน้ำจากคลองพังงามาใช้ได้เนื่องจากเป็นน้ำกร่อย ซึ่งจะทำให้อุปกรณ์เสียหายได้

นายเอกรัฐ เปิดเผยว่า หลังจากปรากฏเป็นข่าว ทางจังหวัดพังงาก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ในฐานะผู้บริหารจังหวัด ได้นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมกันแล้วแล้วลงพื้นที่ตรวจสอบสอบ เบื้องต้นพบว่า ต้นทองอุไรก็มีความเสียหายไปหลายต้น และน้ำพุไม่สามารถเปิดได้ จากนี้ จะตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ทั้งเรื่องทีมมาของโครงการนี้ ขึ้นมาจากอะไรเกิดประโยชน์อะไร ตรวจสอบโครงการนี้ว่าอยู่ในสถานะของโครงการอยู่ในชั้นไหนมียังมีค้ำประกันสัญญาอยู่ไหม จะมีการตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อหาผู้รับผิดชอบรายงานต่อกระทรวงมหาดไทย

จาก ‘ทองอุไร’ ลามโผล่ ‘รวงผึ้ง’ ต้นละ 2 หมื่น ปลูกหญ้า 5.8 แสน น้ำพุ 6 ล้าน

“โดยโครงการนี้ได้ดำเนินการเมื่อปี 2564-2565 ก่อนที่ผมจะย้ายมา ทราบว่า สำนักงานโยธาธิการจังหวัดพังงา เป็นเจ้าของโครงการโดยใช้งบของยุทธศาสตร์จังหวัด 30,000,000 บาท เพื่อปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์ เพื่อป้องกันการพังทลายของดินบริเวณนี้ เพราะศาลากลางของเราเป็นสถานที่สวยงามเป็นสง่าราศีของบ้านเมือง ในช่วงที่ระดับน้ำเพียงพอก็จะมีน้ำพุขึ้นมาความสวยงาม ซึ่งคณะกรรมการจะต้องตรวจสอบข้อเท็จอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง คาดว่าจะให้เวลากรรมการตรวจสอบอย่างละเอียดเป็นเวลา 30 วัน” ผวจ.พังงา กล่าว.