เมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา  ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ต่อเนื่องเป็นวันที่2

นายอภิชาติ ศิริสุนทร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายตอนหนึ่งว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า  รมว.เกษตรฯ กำลังดำเนินนโยบายสำคัญคือเปลี่ยน ส.ป.ก.เป็นโฉนดที่เรียกโฉนดเพื่อการเกษตร แต่เป็นนโยบายไม่ตรงปก  พอนโยบายออกมาจริงๆ สิ่งที่ รมว.เกษตรฯ ทำกลับแค่ไปแก้ระเบียบกระทรวงเพื่อให้โอน ส.ป.ก.กันได้เท่านั้น  ทั้งนี้เรื่อง ส.ป.ก.กลายเป็นประเด็นใหญ่ที่พี่น้องประชาชนสนใจอีกครั้งหนึ่ง ก็ตอนที่เกิดเรื่องออก ส.ป.ก.ในเขตพื้นที่อุทยานฯ เขาใหญ่ จนนำไปสู่การเข้าตรวจยึดกว่า 3 ไร่ กลายเป็นความขัดแย้งระหว่าง ส.ป.ก.กับกรมอุทยานฯ  ซึ่งนายกฯ ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าหารือว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรดี สุดท้าย รมว.เกษตรฯ พยายามจะทำให้สังคมเข้าใจว่าปัญหาที่เขาใหญ่เกิดขึ้นเพราะ ส.ป.ก.กับกรมอุทยานฯ ถือแผนที่คนละฉบับกัน แนวที่ดินของ 2 หน่วยงานทับซ้อนกันก็เท่านั้น เลยมอบหมายให้กรมแผนที่ทหารมาตรวจสอบแนวเขต ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่มั่วขึ้นมา จงใจโกหกให้สังคมเชื่อเพื่อปกปิดปัญหาที่แท้จริง ซึ่งในความเป็นจริงไม่ต้องเอากรมแผนที่ทหารเข้ามาตรวจสอบ เพราะทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเขารู้แต่แรกแล้วว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นแนวเขตอุทยานฯ เขาใหญ่ ตามที่คณะอนุกรรมการวันแม็พได้รับรองไว้ เพียงแต่รอให้ครม.อนุมัติเท่านั้น

นายอภิชาติ  กล่าวต่อว่า ดังนั้นสรุปแล้วว่าเขารู้กันมาก่อน เขายอมรับกันมาก่อนว่าที่ตรงนั้นเป็นเขตอุทยานฯ แต่ ส.ป.ก.ภายใต้ ร.อ.ธรรมนัส ก็ดันทะลึ่งไปประกาศเขตล้ำอุทยานฯ เขาใหญ่ ตอนแรกตนก็สงสัยว่าทำไม ร.อ.ธรรมนัสพยายามดึงกรมแผนที่ทหารเข้ามา ตอนหลังก็หายสงสัยเมื่อพบว่าที่แท้เจ้ากรมแผนที่ทหารคนปัจจุบันเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของ ร.อ.ธรรมนัส เลยขอให้เพื่อนมาช่วยหรือไม่ ซึ่งเจ้ากรมแผนที่ทหารก็อยู่ในคณะอนุกรรมการวันแม็พทำไมไม่คัดค้านแต่แรก แต่ที่น่าสังเวชใจที่สุดคือ รัฐมนตรีเป็นถึงคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติแต่ไม่รู้เรื่องอะไร โดนหน่วยงานและข้าราชการหลอกต้มจนเส้นเอ็นเปื่อยยุ่ย เรื่องโกหกครั้งที่สอง ร.อ.ธรรมนัส พยายามปัดความรับผิดชอบท่านไม่เคยทราบเรื่องการออก ส.ป.ก.ที่มีปัญหามาก่อน ท่านมาตอบกระทู้ตนในสภาว่าท่านเพิ่งมารับตำแหน่งและไม่มีเจ้าหน้าที่แจ้งมาก่อนเลย แต่ตนยืนยันว่าไม่จริง เพราะหลังจากที่ ร.อ.ธรรมนัสเข้ามาดำรงตำแหน่งได้มีหนังสือแจ้งจาก ส.ป.ก.เรื่องการบุกรุกเขาใหญ่ถึง 4 ครั้ง ตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค.66 ทั้งหนังสือจากกรมอุทยานฯ และหนังสือจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ที่ได้แจ้งไปยัง สำนักงาน ส.ป.ก. ร.อ.ธรรมนัสที่กำกับดูแลต้องรู้ ก่อนลงพื้นที่เล่นใหญ่ไปชนกับอุทยานฯ ด้วยตัวเองขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะไม่ได้รับรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นจากข้าราชการก่อน

นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องโกหกที่สำคัญที่สุด รมว.เกษตรฯ พูดเสียงดังว่าเรื่องที่เขาใหญ่เป็นเรื่องความผิดของเจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติการ แถมขู่ลงโทษคนจัญไร ข้าราชการชั่ว เล่นใหญ่ว่าจะยึดคืนรีสอร์ทจากนายทุนกลับคืนแผ่นดินให้หมด ขอให้ทำให้ได้ด้วย การทุจริตของเจ้าหน้าที่เป็นเพียงแค่ปลายเหตุ แต่ต้นเหตุเกิดจากร.อ.ธรรมนัส  ตนจะชี้แจงให้เห็นว่าเรื่องนี้เป็นการทุจริตเชิงนโยบายที่ดำเนินกันมาแบบต่อเนื่องเป็นขั้นเป็นตอน ร.อ.ธรรมนัสที่เป็นผู้ใช้อำนาจเพื่อเอื้อให้เกิดการทุจริต ส.ป.ก.อย่างเป็นระบบหรือไม่   

นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า เพื่อให้เข้าใจเรื่องนี้ทั้งระบบตนต้องเริ่มต้นจากพะเยาโมเดล หรือ ธรรมนัสโมเดล จุดเริ่มต้นเรื่องนี้ทั้งหมดเกิดจากพื้นที่ ส.ป.ก.พะเยา บ้าน ร.อ.ธรรมนัส  ซึ่งก่อนหน้านี้แถวหน้า ม.พะเยา มีคนไปสร้างหอพักหน้า ม.พะเยา มีคนไปสร้างหอพักในพื้นที ส.ป.ก.มีปัญหายาวนานมานับ 10 ปี สุดท้ายธรรมนัสโมเดลก็ไปทำให้สามารถเช่าที่ดิน ส.ป.ก.ทำหอพักโดยไม่ผิดกฎหมาย  ตนไม่คัดค้านการปรับเปลี่ยนการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ แต่เราต้องไปแก้กฎหมาย ส.ป.ก.เพื่อเปลี่ยนการใช้ประโยชน์ให้ถูกต้องมีหลักเกณฑ์ชัดเจน แต่สิ่งที่ ร.อ.ธรรมนัสมุบมิบในปี 63 ขณะที่เป็น รมช.เกษตรฯ คือไปออกประกาศฟอกขาวให้พื้นที่ใช้ ส.ป.ก.ผิดกฎหมายเอาดื้อๆ  คือประกาศ ส.ป.ก.เรื่องรายการกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฉบับที่ 3 พ.ศ.2563   ซึ่งประกาศนี้น่าจะขัดเจตนารมณ์ของกฎหมาย ส.ป.ก.  โดยแอบไปเติมรายการกิจกรรมอื่นที่น่าจะเป็นประโยชน์ในกิจการที่ไม่ใช่การสนับสนุนหรือเกี่ยวข้องกับการปฏิรูปที่ดินแต่อย่างใด ประกาศฉบับธรรมนัสโมเดลนี่เองที่เปิดทางให้สร้างที่พัก สร้างหอพัก ในที่ดิน ส.ป.ก.ได้  ซึ่งอาจตีความไปถึงโรงแรมรีสอร์ทได้หรือไม่ ซึ่งคงไม่มีเกษตรกรที่ไหนกล้าทำ คนที่กล้าเสี่ยงคงจะมีแต่คนที่วางแผนจะรวบรวมที่ดินส.ป.ก.ในทำเลสวยๆ ริมป่า ริมเขา ซื้อกันมาในราคาถูกๆ มีอำนาจทางการเมืองใหญ่หนุนหลังเท่านั้น

นายอภิชาติ กล่าวต่อไปว่า ถ้าเราเปลี่ยนจากพื้นที่พะเยามาเป็นพื้นที่อุทยานฯ เขาใหญ่ จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงแค่ไหน ถ้าเราอยากได้ที่ตรงนี้ก็ต้องหาวิธีกีดกันไม่ให้หน่วยงานอื่นรับรู้และเข้ามาตรวจสอบได้ง่าย ไม่เพียงขยายช่องทางใช้ ส.ป.ก.แบบมีข้อกังขาเท่านั้น ต่อมาร.อ.ธรรมนัสยังใช้อำนาจของตนแก้ไขระเบียบให้การออก ส.ป.ก.ถูกถ่วงดุลและตรวจสอบได้น้อยลง ตนจะชี้ให้เห็นว่า ร.อ.ธรรมนัสรู้เห็นหรือมีส่วนเปิดช่องให้มีการทุจริต ส.ป.ก.ตั้งแต่ต้น  เพราะท่านเป็นคนไปแก้ระเบียบหลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดสรรที่ดินปี 64 ซึ่งเดิมการจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก.ต้องผ่านกลไกคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัด ที่มีทั้งป่าไม้ ที่ดินจังหวัด และผู้ว่าฯ นั่งเป็นประธานคอยตรวจสอบเบื้องต้นกันอยู่ แต่รมว.เกษตรไปแก้ระเบียบเสียใหม่ ให้การออก ส.ป.ก.เป็นหน้าที่ของเลขาธิการส.ป.ก. โดยเลขาฯ ส.ป.ก.มอบอำนาจให้ส.ป.ก.จังหวัดพิจารณาจัดสรรที่ดินส.ป.ก.ได้เองเลย โดยไม่ต้องผ่านคณะกรรมการปฏิรูปจังหวัดอีกแล้ว เรียกได้ว่าร.อ.ธรรมนัสทำให้ ส.ป.ก.จังหวัดรับจบได้ในที่เดียว คือชงเองกินเองไม่ต้องถามใคร ไม่ต้องมีใครมาตรวจสอบ

นายอภิชาติ กล่าวว่า ตั้งแต่ประกาศปี 63 เมื่อรวมกับระเบียบปี 64 ยิ่งส่งผลให้กระบวนการออก ส.ป.ก.ง่ายดายยิ่งขึ้น ไม่มีใครรู้ใครเห็น มันก็เกิดเหตุการณ์อย่างที่อุทยานฯ เขาใหญ่  ร.อ.ธรรมนัสจะปฏิเสธความรับผิดชอบในเรื่องนี้ว่าไม่เกี่ยวกับท่านไม่ได้ เพราะมันเกิดจากท่านเองที่เป็นคนออกระเบียบมาตั้งต้น การทุจริตในระดับผู้ปฏิบัติงานเกิดขึ้นได้ง่ายเพราะการฉ้อฉลในระดับนโยบาย ยิ่งถ้าคนใหญ่คนโตคอยหนุนหลังด้วยแล้วทางยิ่งสะดวก ทั้งหมดนี้ตนไม่ได้คิดเองเพราะมีตัวอย่างของจริงที่เป็นรายชื่อผู้ได้รับจัดสรร ส.ป.ก.ที่เขาใหญ่ ซึ่งกมธ.ที่ดินฯ ได้เข้าไปตรวจสอบ ปัญหาการออก ส.ป.ก.ที่เขาใหญ่ ไม่ได้มีแค่พื้นที่ 3 ไร่ตามที่เป็นข่าว เมื่อลองมาไล่รายชื่อผู้ได้รับจัดสรรที่ดินส.ป.กในเขตพื้นที่เขาใหญ่ชุดเดียวกันจำนวน 58 รายชื่อ ที่ออกมาในช่วงเดือน พ.ย.66  จะเห็นว่าคนแบบไหนที่ได้ที่ดิน ส.ป.ก.

นายอภิชาติ กล่าวว่า ยกตัวอย่างคนแรก ลำดับที่ 31 แปลงที่ 5 เนื้อที่ 49 ไร่ในพื้นที่ ต.หมูสี อ.ปากช่อง ปรากฏชื่อผู้ได้รับจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก. ชื่อ นาง ร. แต่พอดูตามบัตรประชาชนไม่ใช่คนในพื้นที่ กลับอยู่ในเขตปทุมวัน กทม. ตนตรวจสอบข้อมูลพบว่า นาง ร. มีชื่อเป็นกรรมการบริหารโรงแรมอย่างน้อย 2 แห่ง และสืบทราบว่ามีสามีที่เป็นนายทุนธุรกิจใหญ่โรงแรมรีสอร์ท ชื่อ เสี่ย อ. ถ้าพูดชื่อจริงรู้จักกันทั้งบาง รู้จักกันทั้งเขาใหญ่ เมื่อตรวจสอบโรงแรมที่นาง ร.บริหาร ก็เห็นแต่ญาติๆ นามสกุลเดียวกันที่อยู่บ้านเดียวกัน และมีคนที่มีประวัติน่าสนใจคือนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับ พ.ต.อ.สังกัดนครบาล  พ.ต.อ.ชื่อย่อ ส.  ชาวบ้านบอกว่าคนๆ นี้มีเอี่ยวกับคดี ส.ป.ก.ในพื้นที่และมีลูกน้องมือดีชื่อย่อ พ.ต.ต.ป. เป็นตำรวจในพื้นที่ที่พยายามทำให้คดี ส.ป.ก.ไม่ขยับไปถึงไหน อีกรายชื่อใกล้ๆ กันลำดับ 35 คือ น.ส. ป. นำชื่อไปค้นก็พบว่าทำงานในระดับหัวหน้าแผนกของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่แห่งหนึ่ง ดูแลตลาดอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ คนแบบนี้สมควรได้รับการจัดสรรที่ ส.ป.ก.ให้หรือไม่ แต่ที่สนุกไปกว่านั้นคือ น.ส.ป.ยังกล้าส่งหนังสือไปร้องเรียน คทช.ว่าตัวเองเป็นชาวบ้าน ขอให้ช่วยจัดการเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เขาใหญ่ที่มาไล่ตนด้วย เป็นต้น

นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า ตนเกรงว่าจะเป็นขบวนการถือครองที่ดินโดยให้ชาวบ้านเป็นนอมินี และตกเป็นเครื่องมือของนายหน้าค้าที่ดินที่เอาชาวบ้านมาแอบอ้างหรือไม่ ซึ่งรมว.เกษตรฯ ต้องตรวจสอบ เราพบความน่าสงสัยอีกวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา มีรถจากสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรฯ ขับไปหาผู้ใหญ่บ้านถึงบ้าน นำเอกสารไปให้เซ็นโดยระบุว่าขอความอนุเคราะห์เข้าตรวจสอบปริมาณน้ำนมและจำนวนโคนมของเกษตรกร 3 ราย ยิ่งทำให้อดสงสัยไม่ได้เพราะคาบเกี่ยวเรื่องร้อน ผู้ใหญ่บ้านบอกว่าเขาไม่กล้าเซ็นเพราะเป็นผู้ใหญ่บ้านมา 5 ปีไม่เคยเห็นลูกบ้านเลี้ยงโคนม  และ 1 ใน 3 รายนั้นมีชื่อได้รับจัดสรร ส.ป.ก.ด้วย น่าสงสัยหรือไม่ ว่าหากผู้ใหญ่บ้านเซ็นเอกสารให้มั่วๆ คนที่มีชื่อได้ ส.ป.ก.อาจเอาไปอ้างว่าเป็นเลี้ยงสัตว์ใหญ่และขอ ส.ป.ก.เพิ่ม 100 ไร่ จากเรื่องราวที่ตนไล่เลียงมาทั้งหมดปฏิเสธไม่ได้ว่าขบวนการออก ส.ป.ก.มิชอบในพื้นที่เขาใหญ่ เต็มไปด้วยคนที่ไม่มีชื่อที่ไม่คุณสมบัติมารับ ส.ป.ก. มีทั้งนายทุนโรงแรม นายทุนอสังหาริมทรัพย์ นายหน้าค้าที่ดิน คนที่รับ ส.ป.ก.เกินกำหนด  คนเอาป่าสมบูรณ์มาออก ส.ป.ก. หรืออ้างแม่ให้มามั่วไปหมด  สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีการแก้กฎหมายหรือกฎระเบียบต่างๆ และที่สำคัญที่สุดคนที่กล้าใช้ช่องว่างทางกฎหมายแบบนี้ต้องมีอิทธิพลด้วย ถึงจะกล้าสั่งการให้เจ้าหน้าที่เห็นเป็นใจจัดสรรที่ดินออกมาแบบนี้ 

นายอภิชาติ  กล่าวว่า นอกจากนั้นยังมีเรื่องการออกระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขในการคัดเลือกและจัดที่ดินให้แก่เกษตรกร การโอนหรือตกทอด ทางมรดกสิทธิการเช่าหรือเช่าซื้อและการจัดการทรัพย์สินและหนี้สินของเกษตกรผู้ได้รับที่ดิน (ฉบับที่ 2 ) ปี 66 และกฎกระทรวงการแบ่งแยกหรือโอนสิทธิในที่ดินของผู้ได้รับสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมปี 67 ที่อ้างว่าเพื่อรองรับการออกโฉนดเพื่อการเกษตร ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยน ส.ป.ก.ให้เป็นนายหน้าค้าที่ดิน และเปิดช่องให้โอนที่ดินเปลี่ยนมือ ฟอกขาวนายทุนหรือไม่

 “เมื่อพิจารณาเรื่องราวทั้งหมด ก็คงไม่ผิดนักหรอกว่านี่คือการทุจริตเชิงนโยบายครั้งใหญ่ ด้วยการดำเนินการแก้ไขหรือออกประกาศระเบียบอย่างต่อเนื่องเป็นระบบ แล้วอาศัยอิทธิพล บารมีให้ออก ส.ป.ก.โดยมิชอบ ทั้งหมดเพื่อประโยชน์ให้นายทุน เครือข่าย พวกพ้อง โดยอาศัยนโยบายเพื่อพี่น้องประชาชนบังหน้า กระทำการในลักษณะลับลวงพราง เปลี่ยน ส.ป.ก.ให้กลายเป็นโบรกเกอร์หรือนายหน้าค้าที่ดินของรัฐ ท้ายที่สุดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในระยะยาวจะตกอยู่กับโอกาสในชีวิตของชาวบ้าน ที่จะหมดโอกาสเข้าถึงที่ดินเพื่อเป็นฐานการผลิตและสร้างชีวิต เพราะที่ดินเหล่านั้นจะกลายไปเป็นความมั่งคั่งคนกลุ่มน้อย ตอกย้ำซ้ำเดิมความเหลื่อมล้ำในที่ดินไทยอย่างยั่งยืน ท่านรัฐมนตรีต้องรีบเร่งแก้ไขด่วนที่สุด”นายอภิชาติกล่าว.