เมื่อวันที่ 11 มี.ค. พ.ต.ต.กฤษฎา​ ทองสกุล สารวัตรสอบสวน สภ.บ้านนา​เดิม จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายในสวนยางพารา พื้นที่บ้านหนองเรียน หมู่ 7 ต.นาใต้ อ.บ้านนาเดิม จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 8 และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานี ที่เกิดเหตุในสวนยางมีการโค่นตัดไม้ เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ โดยบริเวณโคนต้นยางท้ายสวนพบรอยเลือดอยู่จำนวนมาก และพื้นดินมีรอยขุดดินเกลี่ยดินกลบไว้ใหม่ๆ และเชื่อว่าผู้เสียชีวิตอาจถูกฝังดินอยู่

ขณะเดียวกันตำรวจได้ควบคุมตัว นายวรพจน์ สิบแอง อายุ 34 ปี ลูกจ้างโค่นไม้ ที่กำลังพยายามขับรถกระบะบรรทุกไม้ยางหลบหนี ซึ่งอยู่ในสภาพคล้ายคนเมาให้การวกวน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจปัสสาวะปรากฏว่าเป็นสีม่วง จึงควบคุมตัวเพื่อรอให้อาการสงบจึงจะทำการสอบสวนปากคำ และตรวจยึดเครื่องเลื่อยยนต์ มีดพร้าเปื้อนเลือดที่วางอยู่บนท้ายกระบะไว้ตรวจสอบ

ต่อมากู้ภัยทำการขุดดินบริเวณที่ต้องสงสัยลึกประมาณ 20 เซนติเมตร พบศพ นายพงษ์​ศักดิ์ ​สีเสียด อายุ 55 ปี ผู้รับเหมาตัดต้นไม้ยางพารา ถูกฝังไว้มีบาดแผลร่องรอยถูกเลื่อยยนต์ตัดที่ต้นคอเป็นแผลฉกรรจ์เกือบขาด เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบสภาพศพและเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุส่งศพไปชันสูตรที่โรงพยาบาลบ้านนาเดิม

สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายได้รับจ้างโค่นไม้ยางพาราในสวนดังกล่าวมา 4 วันแล้ว และวันนี้เป็นวันที่ 5 ใกล้จะแล้วเสร็จ โดยมีผู้ก่อเหตุ และนายบอย ที่เป็นลูกจ้างอีกคนช่วยกันโค่นไม้ นายบอย เล่าว่า ขณะที่ผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิตกำลังตัดต้นไม้กันอยู่ ผู้เสียชีวิตได้ก้มลงไปเพื่อจะใช้มีดพร้าฟันกิ่งไม้ ผู้ก่อเหตุได้ใช้เลื่อยยนต์ตัดเข้าไปที่ต้นคอจนผู้เสียชีวิตล้มฟุบลงและใช้มีดฟันเข้าที่คออีกครั้ง จากนั้นผู้ก่อเหตุได้เดินไปยืมจอบที่บ้านของชาวบ้านที่อยู่ห่างไป 20 เมตร มาขุดหลุมและฝังร่างของผู้เสียชีวิต

ด้านเจ้าของบ้านที่ผู้ก่อเหตุไปยืมจอบ เล่าให้ฟังว่า ขณะที่ตนกำลังนั่งอยู่หน้าบ้านตนได้ยินเสียงเลื่อยยนต์ดังก็คิดว่าคนงานตัดไม้กันตามปกติ พอเสียงเลื่อยยนต์เงียบลงก็ได้ยินเสียงผู้ก่อเหตุพูดว่า “ขาดแล้ว” หลังจากนั้นประมาณ 4-5 นาที นายบอยได้วิ่งมาบอกตนว่าให้โทรฯ แจ้งตำรวจว่ามีคนถูกฆ่าตายก่อนจะวิ่งหลบหนีไป ส่วนผู้ก่อเหตุได้เดินตามหลังมาติด ๆ และได้ขอยืมจอบของตนก่อนจะเดินกลับไปขุดหลุมฝังร่างของผู้เสียชีวิต โดยใช้เวลาขุดอยู่ประมาณ 20 นาที จากนั้นผู้ก่อเหตุได้เดินวนเวียนไปมาก่อนจะเก็บเลื่อยยนต์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ไปขึ้นรถกระบะ แต่เจ้าหน้าที่มาทันเวลาและจับกุมตัวไว้ได้ทัน

ด้าน ภรรยาผู้เสียชีวิต กล่าวว่า นายวรพจน์ ผู้ก่อเหตุ มาทำงานกับสามีได้ประมาณ 1 ปี ปกติเป็นคนร่าเริง แต่บางครั้งมักมีพฤติกรรมคล้ายคนเมายา ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหากับสามี ส่วนปมก่อเหตุคาดว่าน่าจะมาจากนายวรพจน์เมายา ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด.