เมื่อวันที่ 16 มี.ค. นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีกำหนดลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.เชียงใหม่ ในวันศุกร์ที่ 17 มี.ค. 66 เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายอรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมคณะ

ทั้งนี้ เวลาประมาณ 08.30 น. นายกรัฐมนตรีและคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 41 อ.เมืองเชียงใหม่ โดยเครื่องบินของกองทัพอากาศ แล้วเดินทางไปถวายเครื่องสักการะและกราบอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย เพื่อความเป็นสิริมงคลในโอกาสเดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการเชียงใหม่ จากนั้น นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปยังวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร เพื่อรับฟังข้อเสนอการสนับสนุนแผนแม่บทโครงการเสนอชื่อครูบาเจ้าศรีวิชัย เป็นบุคคลสำคัญของโลก กลุ่ม 10 จังหวัดภาคเหนือ

จากนั้น นายกรัฐมนตรีจะเดินทางต่อไปยังศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ เฉลิมพระเกียรติฯ เชียงใหม่ เพื่อพบปะประชาชนชาวเชียงใหม่ และติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ได้แก่ 1) โครงการฟื้นฟูสุขภาพช่องปากด้วยรากฟันเทียมที่พัฒนาขึ้นเอง คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โครงการปรับปรุงอาคารผู้ป่วยหลวงปู่แหวน “สุจิณโณ” โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ และด้านพลังงานสะอาด พลังงานทดแทน การแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ 2) การพัฒนา AI เพื่อช่วยเหลือการทำงานและดูแลสุขภาพ และ 3) การพัฒนาแปรรูปพืชพื้นบ้าน/ผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน การส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ การส่งเสริมนวัตกรรมเพื่อชุมชน

ต่อมาเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยแม่โจ้ อ.สันทราย เพื่อตรวจเยี่ยมการพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุในพื้นที่เชียงใหม่ ก่อนจะเดินทางกลับถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ในเวลาประมาณ 17.45 น. ทั้งนี้ กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม

นายอนุชา กล่าวด้วยว่า การลงพื้นที่ตรวจราชการของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล รวมถึงรับฟังปัญหาและความเป็นอยู่ของประชาชน โดยรัฐบาลมุ่งพัฒนา จ.เชียงใหม่ ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ เป็นประตูการค้าการลงทุนสู่สากล ผ่านการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจและสังคม และพร้อมดูแลประชาชนทุกคนในพื้นที่ ยกระดับรายได้ และคุณภาพชีวิต เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม.