เมื่อวันที่ 25 มี.ค. เวลา 15.00 น. ที่วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิจิตร ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานภาคเหนือ ให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นเวทีปราศรัย ถึงความคาดหวังของผู้สมัครของพรรค พปชร. ในภาคเหนือ ว่า เมื่อปี 2562 จ.พิจิตร เราก็ได้ยกจังหวัด ซึ่งในขณะนั้นตนดูแล จ.พิจิตร โดยตรง เพราะฉะนั้นครั้งนี้คงไม่ต่างกัน มั่นใจว่าจะได้ยกจังหวัดทั้ง 3 เขต 

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะป้องกันแชมป์และการแลนด์สไลด์ของพรรคอื่นได้อย่างไร ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า แชมป์ของเราคือนายพรชัย อินทร์สุข ส่วนอีก 2 คนย้ายไปอยู่พรรคอื่น คงไม่ต้องพูดถึง ซึ่งคนใหม่ที่เราหามาแทนล้วนแต่มีคุณภาพ จึงมั่นใจว่าครั้งนี้ จะได้ยกจังหวัดเช่นเดิม ส่วนการป้องกันและสไลด์นั้น ต้องบอกว่า จ.พิจิตร เป็นการแข่งขันกันระหว่างพรรค พปชร. พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และเพื่อไทย (พท.) ซึ่งขับเคี่ยวกันอยู่ 

เมื่อถามถึง กรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อประเทศญี่ปุ่น ว่ายินดีที่จะกลับมารับโทษที่ประเทศไทยแล้ว ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนได้ยินเรื่องนี้มานานพอสมควร ซึ่งหากนายทักษิณกลับมาแล้วเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฎหมาย ก็เป็นเรื่องที่ดี บ้านเมืองจะได้เดินหน้าต่อไปตามนโยบายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ที่ต้องการก้าวข้ามความขัดแย้ง

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้นายทักษิณเคยพูดว่ากลับมาอย่างเท่ๆ แต่ตอนนี้เปลี่ยนที่จะยอมกลับมารับโทษแล้ว มองเรื่องดังกล่าวอย่างไร ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นคำพูดที่จะพูดให้ดูดีหรือไม่ดูดีมากกว่า เพราะการกลับมา ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้

เมื่อถามว่า ถือเป็นการหาเสียงหรือจิตวิทยาทางการเมืองหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนไม่เข้าใจเจตนารมณ์ของนายทักษิณ แต่โดยกฎหมายแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

เมื่อถามว่า การพูดของนายทักษิณแบบนี้ จะเป็นการช่วยเสริมเลนด์สไลด์ของพรรค พท. หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เป็นคนละประเด็นกัน ระหว่างเรื่องของกฎหมายกับการหาเสียง เมื่อถามว่า การออกมาพูดของนายทักษิณ ถูกมองว่าทําให้ข่วยเพิ่มคะแนนนิยมให้กับพรรค พท.มากขึ้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนกลับมองว่า คนไทยมีความรู้ทางด้านกฎหมาย แม้จะพูดให้ดูดีอย่างไร แต่คนไทยก็รู้อยู่แล้วว่า ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ผู้สื่อข่าวถามถึง ความชัดเจนของการจับมือกับพรรค พท. หลังการเลือกตั้ง ยังมีความเป็นไปได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 มี.ค. นี้ ตนได้คุยกับหัวหน้าพรรคนานพอสมควร และมองว่ายังเร็วเกินไปที่จะคุยในเรื่องดังกล่าว ตอนนี้ขอมุ่งเรื่องการหาเสียงก่อน เพื่อให้ลูกพรรคมีชัยชนะให้มากที่สุด เรื่องการจับมือตนว่าเป็นเรื่องอีกไกล

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาพรรค ภท. ก็เดินสายกินข้าวกับพรรคต่างๆ ก็เป็นการส่งสัญญาณจับมือกันอยู่แล้ว ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า คงไม่ใช่ ส่วนตัวมองว่าตอนนี้กระแสของ พล.อ.ประวิตร กําลังขึ้น และตนในฐานะที่อยู่ในการเมืองมานานพอสมควร รวมถึงเป็นผู้สมัครเองด้วย รู้จักกันทั้งนั้น ดังนั้นตนรู้ดีว่า ผู้สมัครของพรรค พปชร. ไม่ว่าจะเป็นเกรดใดก็ตาม มีโอกาสที่จะเข้ามานั่งในสภาทั้งนั้น 

เมื่อถามว่า แสดงว่าผลโพลที่ออกมา ไม่ได้มีผลอะไรกับพรรคใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าโพลที่เราทำ เราใช้สำนักโพลที่มีมาตรฐาน เราไม่ได้ส่งตัวอย่างแค่ 1-2 พันคน แต่ใช้หลักหมื่นคน 

เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นแกนนำคนสำคัญของพรรค มีความมั่นใจที่จะดัน พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ได้ใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า “ชีวิตผมอยู่มาหลายพรรค ไม่มีหัวหน้าพรรคคนไหนที่ดีเท่า พล.อ.ประวิตร ไม่ต้องดูอะไรมาก พล.อ.ประวิตร มีแต่คนมาขอทานข้าวด้วย” 

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวถึงการจัดทํารายชื่อผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ของพรรค พปชร. ว่า ขณะนี้บัญชีรายชื่อผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการสรรหาแล้ว ซึ่งในวันที่ 28 มี.ค. นี้ จะมีการทบทวนอีกครั้ง และช่วงบ่ายวันที่ 28 มี.ค. ที่จะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค ทุกอย่างจะจบในวันนั้น 

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พปชร. ไม่รับตำแหน่งในปาร์ตี้ลิสต์ แต่ขอเสียสละให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าไปบ้าง ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ก็มีคนรุ่นใหม่อย่างเช่น สกลธี ภัททิยกุล ที่เลื่อนขึ้นมาแทนนางนฤมล และความจริงเรื่องนี้ก็คุยกันมานานแล้ว เพียงแต่ไม่ได้เป็นข่าว ยืนยันว่าไม่มีประเด็นความแตกแยก และตอนนี้นางนฤมล ก็ยังอยู่กับพรรคเหมือนเดิม 

เมื่อถามถึงตําแหน่งเหรัญญิกพรรค ที่นางนฤมลบอกว่าตอนนี้ยังอยู่ แต่ไม่ได้พูดถึงอนาคตว่าจะลาออกหรือไม่นั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า การเมืองไม่มีอะไรแน่นอน ปีที่แล้วตนยังอยู่พรรคเศรษฐกิจไทยอยู่เลย ปีนี้มาอยู่พรรค พปชร. แล้ว ก็ยังงงตัวเองอยู่เหมือนกัน 6 เดือน เปลี่ยน 3 พรรค.