ซึ่งหากนับจากวันนี้ไปจนถึงวันหย่อนบัตรในวันที่ 14 พ.ค. ก็จะเหลือช่วงเวลาหาเสียงทำแต้มแค่เดือนกว่าแล้ว วันนี้จึงได้เห็นแต่ละขุนพลและแต่ละพรรค เร่งขยับลุยหาเสียงเรียกเรตติ้งเต็มสูบ ใส่เกียร์เดินหน้าเร่งเครื่องเต็มที่แข่งกับเวลา 

เริ่มจาก “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หลังจากปรับลุคทรงอย่างแบด ชูมอตโต “ก้าวข้ามความขัดแย้ง” พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี และเปิดทางพร้อมคุยกับทุกพรรค 

ล่าสุด “บิ๊กป้อม” ก็โชว์สเต็ปเปิดรับความเห็นต่างคนรุ่นใหม่จาก แกนนำม็อบ 3 นิ้ว เปิดโอกาสให้ น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ “มายด์” แกนนำกลุ่มคณะราษฎร สัมภาษณ์ในประเด็นต่าง ๆ แบบไม่มีกั๊ก พร้อมย้ำจุดยืนก้าวข้ามความขัดแย้ง นอกจากนี้ยังตอบคำถามถึงแนวทางป้องกันการรัฐประหาร ระบุว่า “รัฐประหารจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว ถ้าประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียวบ้านเมืองจะไม่มีรัฐประหารอีกแล้ว ไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีการใช้กำลังให้ประชาชนล้มตาย คงไม่มี แต่ถ้าไม่สงบบ้านเมืองลุกเป็นไฟก็จำเป็น”

ท่าที “พี่ใหญ่” ผิดกับ “น้องเล็ก” บูรพาพยัคฆ์อย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ก่อนหน้านี้ออกอาการเกรี้ยวกราดหลังสื่อถามถึงการก้าวข้ามความขัดแย้ง โดยโต้ว่า วันนี้ไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นแล้ว พร้อมลั่นรัฐประหารครั้งสุดท้ายจบไปแล้ว ซึ่งสวนทางมอตโตก้าวข้ามความขัดแย้งของ “พี่ใหญ่”

ทว่าไม่รู้เพราะกลัวตกขบวนก้าวข้ามความขัดแย้งหรืออย่างไร ในเวทีใหญ่ล่าสุดของ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 400 เขต และเปิดตัว “บิ๊กตู่” เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อย่างเป็นทางการในการนำทัพสนามเลือกตั้ง เวทีนี้ “บิ๊กตู่” ก็ได้ประกาศจะก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่โจมตีหรือให้ร้ายใคร และขอสร้างพรรค รทสช. เป็นทางหลักไม่ใช่แค่ทางผ่าน ดังนั้นต้องจับตาดูกันว่าการก้าวข้ามความขัดแย้งของ “บิ๊กตู่” ที่ว่า จะมีแอ๊คชั่นจริงจัง เปิดกว้าง เปิดฟัง เหมือน “พี่ใหญ่” หรือไม่อย่างไร?

มาส่องฟาก “ภูมิใจไทย” ก็เดินเกมปั่นกระแสกลบสึนามิแฉของ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์”ด้วยการเดินสายเช้าเข้าอวยพรโชว์สวมกอด “บิ๊กตู่” ตกบ่ายเข้าป่ารอยต่อฯ กินข้าวกับพี่ใหญ่ “บิ๊กป้อม” เป็นครั้งที่ 2 ตอกย้ำการจับขั้วรวมพลังเป็นกลุ่มการเมืองที่จะชี้ชะตาอนาคตประเทศก่อนการเลือกตั้ง

ท่ามกลางความเคลื่อนไหวหลายพรรคคึกคัก ฉายภาพจะมีการฟอร์มตั้งรัฐบาลก่อนวันเลือกตั้ง แต่ที่จุดไฟการเมืองให้ร้อนแรงยิ่งขึ้นที่จู่ๆ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โผล่ให้สัมภาษณ์สื่อนอก ประกาศโพล่งพร้อมกลับไทยไปติดคุก ขอใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับลูกหลาน หลังทรมานเหมือนติดคุกขนาดใหญ่มา 16 ปี พร้อมบอกว่า ทางเลือกสุดท้าย อาจจำเป็นต้องจับมือ “พลังประชารัฐ” ตั้งรัฐบาล 

เรียกได้ว่า ช่วงนี้เป็นช่วงแห่งการชิงเกมอำนาจที่ทุกขุมค่ายแต่ละฝ่ายต่างวางหมากให้ตัวเองชิงความได้เปรียบให้ได้มากที่สุด เพื่อบรรลุเป้าหมายขึ้นสู่บัลลังก์อำนาจเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล 

แต่…ท้ายที่สุดแล้วคนชี้ชะตาประเทศคือประชาชน ที่จะออกมาใช้สิทธิในวันที่ 14 พ.ค.นี้ ในการออกมาร่วมกำหนดอนาคตประเทศ อย่าปล่อยให้เกมการเมืองมาชี้นำได้.