เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 19 เม.ย. นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วยนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รองหัวหน้าพรรค นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ปรึกษาคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ นสพ.ชัย วัชรงค์ คณะทำงานด้านนโยบายเกษตร นายพงศกร อรรณนพพร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายชัชวาล พรอมรธรรม ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น เขต 1 เบอร์ 6 และ น.ส.รัมภามาศ ฑีฆธนานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น เขต 2 เบอร์ 9 เดินตลาดเช้าหาเสียงในตลาดบางลำภู อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น

นายเศรษฐา ได้สอบถามพ่อค้าแม่ค้าถึงสภาพการค้าขาย ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าสะท้อนว่า การค้าขายช่วงที่ผ่านมาแย่มาก ฝากพรรคเพื่อไทยเข้ามาดูแลปากท้องของพี่น้องประชาชน ลดปัญหาหนี้สินให้คนค้าขายด้วย ขณะที่ประชาชนหลายคนเมื่อทราบว่านายเศรษฐามาหาเสียง ก็บอกกันปากต่อปากในตลาด ทำให้มีคนเดินตามมาขอถ่ายภาพกับนายเศรษฐา พร้อมระบุว่า ดีใจที่วันนี้ได้เจอพ่อใหญ่เศรษฐา ตัวเป็นๆ ก่อนจะพากันตะโกนตลอดทางว่า “เพื่อไทยๆๆ”, ”เพื่อไทย 29” และ “เพื่อไทยแลนด์สไลด์” พร้อมระบุว่า ดีใจที่วันนี้ได้เจอพ่อใหญ่เศรษฐา ตัวเป็นๆ ซึ่งนายเศรษฐาก็ได้ฝากให้พี่น้องชาวขอนแก่นเลือกพรรค พท. ทั้งคน ทั้งพรรค ให้โอกาสพรรค พท. ได้เข้าไปทำงานแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน

ส่วนพ่อค้าแม่ค้าแผงร้านค้าขายสินค้าอาหารสดและอาหารทะเล ตะโกน “อยากกอดนายกฯ จังเลย” ก่อนเข้าโผกอดและบันทึกภาพ ด้านนายเศรษฐา กล่าวตอบรับว่า “ฝากเบอร์ 6 และเบอร์ 29 ด้วยนะครับ” ขณะเดียวกัน แม่ค้าร้านขายปลา ทักทาย นายพานทองแท้ ด้วยสีหน้าชื่นมื่นว่า “ลูกทักษิณใช่หรือไม่”

นอกจากนี้ ระหว่างนายเศรษฐา และคณะ เดินตลาดอยู่นั้น มีประชาชนขี่รถมอเตอร์ไซค์เข้ามาในซอยตลาด เมื่อเจอนายเศรษฐาถึงกับจอดรถมอเตอร์ไซค์ไว้กลางถนน แล้วกระโดดลงไปจากรถเพื่อขอถ่ายภาพคู่กับแคนดิเดตนายกฯ ทำให้นายพงศกร และ ส.ส. ที่ติดตามหาเสียงอยู่ รีบปรี่เข้าไปช่วยจับมอเตอร์ไซค์ สร้างเสียงหัวเราะให้กับคณะที่ติดตามหาเสียงเป็นอย่างมาก

จากนั้น นายเศรษฐา และคณะ ได้เดินมาทานอาหารเช้าร้านเอมโอช ซึ่งเป็นร้านไข่กระทะเจ้าดังของ จ.ขอนแก่น

ต่อมาเวลา 10.50 น. ที่ลานตลาดนัดน้ำพอง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดเวทีปราศรัยใหญ่ นำโดยนายเศรษฐา นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น พรรค พท. ทั้ง 11 เขต ได้แก่ นายชัชวาล พรอมรธรรม เขต 1 เบอร์ 6 น.ส.รัมภามาศ ทีฆธนานนท์ เขต 2 เบอร์ 9 นายจตุพร เจริญเชื้อ เขต 3 เบอร์ 5 นางมุกดา พงษ์สมบัติ เขต 4 เบอร์ 11 นายภาควัต ศรีสุรพล เขต 5 เบอร์ 3 นายสิงหภณ ดีนาง เขต 6 เบอร์ 5 นายสุรพจน์ เตาะเจริญสุข เขต 7 เบอร์ 6 น.ส.วิภาณี ภูคำวงศ์ เขต 8 เบอร์ 6 น.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร เขต 9 เบอร์ 4 นายวันนิวัติ สมบูรณ์ เขต 10 เบอร์ 9 และนายพชรกร อรรณนพพร เขต 11 เบอร์ 4

นายเศรษฐา ปราศรัยว่า เราคงไม่ต้องพูดว่า 8 ปีที่ผ่านมา พี่น้องลำบากมากขนาดไหน ต้องพอแล้ว ปัญหาที่มีไม่ได้รับการแก้ไขเลย ทั้งปัญหายาเสพติด ยาบ้าเม็ดละ 20 บาท ซื้อง่ายกว่าก๋วยเตี๋ยวข้างทาง คนเสพต้องเป็นผู้ป่วยที่ได้รับการรักษา คนค้ายาต้องถูกจับมาลงโทษอย่างเด็ดขาด กฎหมายยึดทรัพย์ต้องเด็ดขาด เพื่อไม่ให้มีทุนไปผลิตยา นโยบายปราบยาเสพติดของพรรคเพื่อไทย เราต้องการแก้กฎหมายให้มีการยึดทรัพย์โดยเร็วที่สุด ส่วนเรื่องการศึกษาต้องเรียนฟรี ต้องมีรถรับส่ง ต้องมีอาหารกลางวันทานฟรี เชื่อว่าพี่น้องรอคอยเรามาเป็นรัฐบาล เพื่อให้มีเงินใส่กระเป๋า 10,000 บาท ตามนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต รัฐบาลจ่ายทีละ 500 บาท เยียวยาอะไรไม่ได้ ที่ผ่านมาเขาพูดถึงแต่นโยบายของเรา เพราะเขากลัวพี่น้อจะได้เงินหมื่น ดังนั้นอย่าไปเชื่อ อย่าไปฟัง ถ้าพรรค พท. เป็นรัฐบาล พี่น้องจะได้เงิน 10,000 บาท เข้ากระเป๋าอย่างแน่นอน ถ้าพรรค พท. เป็นรัฐบาล รายได้สุทธิ 4 ปี จะโตขึ้นสามเท่าตัว

“นายกฯ นั่งอยู่แต่ทำเนียบ ไม่เคยออกไปเปิดตลาดใหม่ ยืนยันว่าแคนดิเดตนายกฯ ทั้ง 3 คน ไม่ว่าใครจะเป็นนายกฯ เราจะออกไปเปิดตลาด เอาสินค้าของพี่น้องไปจำหน่ายต่างประเทศ เราคิดใหญ่ ทำเป็น แต่จะทำได้ต้องพึ่งพี่น้อง วันที่ 14 พ.ค. ผมหวังว่าพี่น้องจะเข้าคูหากาเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค จ.ขอนแก่น ต้องยกทั้ง 11 เขต ไม่อย่างนั้นรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ไม่สามารถผลักดันนโยบายได้ ตนอยากกลับมาในอีก 6 เดือน เพื่อเห็นรอยยิ้มของพี่น้อง และอย่าให้ใครมาบอกว่าเรามีพรรคพี่พรรคน้อง เรามีพรรคเดียวคือพรรค พท.” นายเศรษฐา กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังปราศรัยเสร็จสิ้น มีชาวบ้านเดินขึ้นมาบนเวทีมอบกระติ๊บข้าวเหนียว ปลาร้าบอง เนื้อแดดเดียว กล้วยน้ำว้า และถั่วฝักยาวให้ ซึ่งนายเศรษฐาได้ไหว้ขอบคุณ

ส่วนนายณัฐวุฒิ ปราศรัยตอนหนึ่งว่า นโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ถูกค่อนแคะโจมตี พี่น้องอย่าไปฟัง เราประกาศแล้วทำได้ แม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็โจมตีนโยบายนี้ ตนจะอบรมคุณอีกครั้งว่า คุณไม่ต้องมาเกี่ยวข้อง เราพูด เรารับผิดชอบ เราทำได้ นโยบายของคุณทำได้บ้างหรือยัง 4 ปีที่แล้วเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ขึ้นค่าแรง 425 บาท ทำได้หรือยัง สุดท้ายก็พาลูกน้องย้ายพรรคหนีไปตั้งพรรคใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต้องรู้จักพอ ชวนกันพอได้แล้ว 8 ปีแล้ว จะเอาอะไรนักหนา

“คนเขาถากถางโจมตีว่าพรรค พท. ได้เป็นรัฐบาลแล้วจะมีปัญหา เดี๋ยวก็ถูกปฏิวัติ เดี๋ยวจะถูกยุบพรรค บริหารไม่ได้ แล้วทหารจะออกมาแอ่นแอนแอ๊น ถามจริงๆ วา 10 กว่าปีที่ผ่านมา ปฏิวัติมา 2 หน ประชาชนยังฉิบหายยังไม่พออีกหรือ ยังจะเอาเรื่องปฏิวัติมาขู่อีก ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร จะหาเรื่องปฏิวัติ เจอณัฐวุฒิแน่นอน ดังนั้นพี่น้องไม่ต้องกลัว หมดสมัยแล้วที่จะลากรถถังออกมา ถ้าประเทศไทยเจริญได้ด้วยการปฏิวัติ เราคงเป็นที่หนึ่งของโลกไปแล้ว วันนี้ผู้คนรู้แล้วว่า บ้านเมืองต้องเดินหน้าด้วยประชาธิปไตยกินได้แบบเพื่อไทยเท่านั้น” นายณัฐวุฒิ ระบุ.