เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงาน ผบ.ตร. ในฐานะโฆษกศูนย์รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศลต.ตร.) กล่าวว่า ศลต.ตร. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศลต.ตร. มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนป้องกันการทำผิดกฎหมายในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค. 2566 และเลือกตั้งล่วงหน้าในวันอาทิตย์ที่ 7 พ.ค. 2566 จึงสั่งการให้ ศลต.ตร. ประชาสัมพันธ์ข้อกฎหมายที่สำคัญ เพื่อเป็นการแจ้งเตือนประชาชนไม่ให้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ตลอดจนแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้าใจถึงข้อกฎหมายต่างๆ ที่จะต้องใช้ในการดูแลรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยในการจัดการเลือกตั้งนี้ ซึ่งข้อกฎหมายที่สำคัญๆ มีดังนี้

1.การนำบัตรเลือกตั้งออกไปจากที่เลือกตั้ง มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 10 ปี

2.การนำเครื่องมือหรืออุปกรณ์ใดถ่ายภาพบัตร เลือกตั้งที่ตนได้ลงคะแนนเลือกตั้งแล้ว : มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

3.การเรียก รับ หรือยอมจะรับเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น เพื่อลงคะแนนหรืองดเว้นไม่ลงคะแนน มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 10 ปี

4.จงใจกระทำด้วยประการใดๆ ให้บัตรเลือกตั้งชำรุดหรือเสียหายหรือให้เป็นบัตรเสียหรือกระทำด้วยประการใดๆ แก่บัตรเสีย เพื่อให้เป็นบัตรที่ใช้ได้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น มีกำหนด 10 ปี

5.กรณีเผา ฉีก ทำลาย ทำให้เสียหาย มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

6.กรณีปลดป้ายหาเสียงไป มีความผิดฐานลักทรัพย์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนไม่ได้รับความสะดวก หรือพบเห็นการกระทำความผิด โปรดแจ้งสายด่วน 191 หรือ 1599 หรือ สายด่วน กกต. 1444 หรือสถานีตำรวจในพื้นที่ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมที่จะดูแล บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับประชาชนในทุกภารกิจ