เมื่อวันที่ 26 เม.ย.รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกันต่อ กรณี “แอม” ผู้ต้องหาในคดีการเสียชีวิตของ “ก้อย” เพื่อนสนิท ที่วูบล้มเสียชีวิตระหว่างปล่อยปลา ก่อนผลพิสูจน์ออกมาว่าได้รับสารพิษ หรือถูกวางยา โดยสืบเนื่องจากคดีของก้อยแล้ว ยังมีผู้เสียชีวิตอีกมากกว่า 10 ราย สูญหายไปอีก 2 ราย ที่เสียชีวิตในลักษณะใกล้เคียงกัน และล้วนมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับ แอม ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

คุณดล เพื่อนของนายแด้ หนึ่งในผู้เสียชีวิต ที่เป็นสามีของแอม เล่าว่า นายแด้ทำงานปล่อยเงินกู้ อยู่ที่อุดรธานี คบหาอยู่กินกับนางแอม โดยแอมไปๆ มาๆ ระหว่างอุดรฯ กับ ราชบุรี โดยแด้ก็รู้ว่าแอม เคยมีสามีเป็นนายตำรวจ แต่ผู้หญิงบอกว่าเลิกกันแล้ว ต่อมารู้ว่าแอมท้อง และบอกว่าแด้เป็นพ่อเด็ก แด้บอกว่าจะตั้งใจทำงาน หาเงินมาเลี้ยงลูก

ตอนเกิดเหตุ แอมเดินทางมาหาแด้ เมื่อวันที่ 11 มีนาคม วันรุ่งขึ้นได้พากันขับรถเก๋งไปวัดที่ อ.หนองหาน แต่ผู้ตายวูบล้ม อาเจียน และได้พาไปโรงพยาบาลหนองหาน ต่อมาแด้บอกว่าอาการดีขึ้นแล้ว จึงกลับมาที่บ้าน ส่วนแอมนำผ้าไปซัก กลับมาพบว่าแด้นอนเสียชีวิตแล้ว ในสภาพนอนหงาย มีเลือดออกทางปาก จมูก ไม่มีชีพจร ตัวเย็น และแข็ง จึงแจ้งตำรวจ

คืนวันเดียวกันกับที่แด้เสียชีวิต แอมยังไปนั่งจัดงานวันเกิด โดยมีลูกน้องที่เก็บเงินกู้จัดงานวันเกิดให้ ส่วนศพของแด้ถูกส่งขึ้นรถมาตามลำพัง ส่วนเมียไปนั่งฉลองวันเกิดสบายใจ ทำให้เพื่อนพากันงงกันหมด ว่าทำไมผัวตาย แล้วเมียมีอารมณ์ไปจัดงานวันเกิดแบบนั้นอยู่

ในเรื่องนี้ ทาง อ.ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา นักอาชญาวิทยา มองว่า จุดที่น่าสนใจคือ เขาได้เปิดตัวให้คนทั่วไปรู้หรือไม่ว่า เขาคบหากัน อยู่กินกัน ซึ่งทางเพื่อนๆ บอกว่า มีแค่คนใกล้ตัว และคนในครอบครัวที่รู้ คนทั่วไปไม่มีใครรู้ ซึ่งทาง อ.ดร.ตฤณห์ ชี้ว่า ประเด็นนี้อาจมีความเกี่ยวโยงไปอีกหลายเรื่อง ทั้งเรื่องลูกในท้อง และเรื่องสามีเก่า อาจโยงไปถึงการตั้งข้อสังเกตได้อีกมากมายว่า การเสียชีวิตของนายแด้ หากเป็นการ “ถูกทำให้ตาย” จะมีแรงจูงใจในเรื่องใดได้บ้าง

นอกจากนี้ยังมีการพบหลักฐานในห้องนอนของนายแด้ เป็นขวดยาโพแทสเซียมไซยาไนด์ ซึ่งเป็นสารเคมีในอุตสาหกรรม ไม่ควรไปอยู่ในห้องนอน ซึ่งมีการรายงานว่า หลักฐานต่างๆ เหล่านี้ ถูกเก็บใส่ถุงดำ รวมกับเอกสารการตายของนายแด้ นำไปฝากกับเด็กวัยรุ่นในพื้นที่ ให้เอาไปฝังดิน แต่เด็กบอกว่าไม่ได้ฝัง และไม่รู้ว่าเป็นไซยาไนด์ จนเห็นข่าวก็เลยเอาถุงมาเปิดดู ถึงเห็นว่าเป็นขวดยา

ด้าน ทนายแก้ว ชี้ให้เห็นว่า คดีนี้หากตนเป็นทนายความให้แอม ตนก็คงจะหมอบไปแล้ว ไม่ฝืนกระแสสังคม เพราะการสู้คดี กับการรับสารภาพมีข้อดีข้อเสียต่างกัน หากพิจารณาแล้ว คดีนี้อัตราโทษสูงถึงประหารชีวิตสถานเดียว การให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี อาจจะเป็นผลดีกับจำเลยมากกว่า แต่หากจำเลยยืนยันจะสู้คดี ก็คงจะต้องเป็นตามนั้น

ขณะที่ หนุ่ม กรรชัย เปิดภาพจากกล้องวงจรปิดในคดีการเสียชีวิตของก้อยอย่างละเอียด ที่รวบรวมมาต่อเนื่องเป็นเหตุการณ์แต่ละชอตได้ ตั้งแต่ก้อยขับรถไปที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งจอดรถเอาไว้ แล้วขึ้นรถของแอมไปที่ท่าน้ำริมแม่น้ำแม่กลอง

ทั้งคู่ลงจากรถพร้อมกัน ก้อยถือถุงปลาเดินไปที่ริมน้ำ ส่วนแอมข้ามถนนไปอีกฝั่ง บอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ แต่ระหว่างที่เดินไป พยายามชะโงกดูฝั่งตรงข้ามทางริมแม่น้ำตลอดเวลา จากนั้นก็เดินเข้าไปพูดคุยกับผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่แถวนั้น เหมือนจะถามหาห้องน้ำ แต่พอถามเสร็จแล้ว ไม่เดินไปเข้าห้องน้ำ เขาเดินข้ามถนนกลับมา

แอมเดินไปที่รถของตัวเอง หยิบของบางอย่างออกมา แล้วเดินลงบันไดไปที่ริมน้ำ น่าจะเจอก้อยที่ล้มฟุบหมดสติอยู่ จากนั้นกล้องเห็นว่าแอมเดินกลับขึ้นมาพร้อมถือโทรศัพท์ไอโฟนของก้อยไว้ในมือ แล้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินกลับไปที่รถ

หลังเกิดเรื่อง แอมปฏิเสธกับทั้งญาติ และคนใกล้ชิดของก้อย ว่าไม่ได้ไปกับก้อยในวันเกิดเหตุ จนกระทั่งมายอมรับภายหลัง อ้างว่าก้อยสั่งไว้ไม่ให้บอกใคร เพราะก้อยจะให้แอมพาไปหากิ๊กหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้แย้งกับหลักฐานแชตไลน์ ที่ก้อยทักไปหาหมอดู ในคืนก่อนที่จะมีนัดกับแอม เพราะก้อยไม่สบายใจ กลัวว่าไปแล้วจะมีอันตราย เพราะแอมกำชับไม่ให้บอกใครว่าไปไหน และไปกับแอม

นอกจากนี้ หนุ่ม กรรชัย ยังได้เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่า หลังมีเรื่องราวเป็นข่าวดังขึ้นมา มีการยืนยันเพิ่มเติมว่า มีผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องใกล้เคียงกับกลุ่มนี้อีก 2 คน เป็นคนที่อยู่ในวงแชร์เดียวกัน ในกลุ่มที่ แอม เป็นเท้าแชร์ ทำให้มีการยืนยันผู้เสียชีวิตแล้ว รวมเป็น 10 ราย และยังมีอีก 2 คน ที่ยังคงสูญหายไป

แต่หลังจากนั้น บิ๊กโจ๊ก โฟนอินเข้ามาให้ข้อมูลว่า มีการพบศพเพิ่มอีก 2 ราย รวมเป็น 12 ศพ แต่มีอีก 1 ราย ที่รอดชีวิตมาได้ แม้หัวใจหยุดเต้นไปแล้ว แต่แพทย์ช่วยจนกลับมาได้ เขารอดมาให้ข้อมูลกับตำรวจถึงพฤติการณ์ของคุณแอมอย่างละเอียด ซึ่งมั่นใจว่าเอาผิดคุณแอมได้แน่นอน ไม่ใช่เพียงแค่กรณีคดีคุณก้อย แต่ยังขยายผลไปรวมทั้งหมด 12 ศพด้วย

ถึงแม้ทางทนายความของคุณแอม มั่นใจว่าจะสู้คดีได้ ว่าทางศาลน่าจะยกประโยชน์ให้จำเลย เพราะไม่มีประจักษ์พยาน แต่ทางตำรวจมั่นใจในพยานหลักฐานมาก ทางทนายเขาจะสู้คดีอย่างไร ทำหน้าที่ของเขาไป เป็นสิทธิของเขา

ขอบคุณข้อมูลจากรายการโหนกระแส