เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ที่ห้องประชุมปรีดี พนมยงค์ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 6 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เดลินิวส์ ร่วมกับ คณะนิเทศศาสตร์ และสำนักกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จัดเวทีประชันนโยบายพรรคการเมืองเพื่อคนรุ่นใหม่ หัวข้อ “New Voter เกมอนาคตกำหนดได้” #ReadySetGo เวทีดีเบตเพื่อคนรุ่นใหม่ที่มีสิทธิเลือกตั้ง

โดยมี 9 พรรคการเมืองส่งตัวแทน ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการศึกษาและคนรุ่นใหม่เข้าร่วมเวทีประชันวิสัยทัศน์ ประกอบด้วย 1.ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และรักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย, 2.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. พรรคประชาธิปัตย์, 3.นายพริษฐ์ วัชรสินธุ พรรคก้าวไกล, 4.นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ พรรคพลังประชารัฐ, 5. ดร.อิสราพร บูรณอรรจน์ พรรคภูมิใจไทย, 6.ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี พรรคชาติพัฒนากล้า, 7.นายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ เขตสัมพันธวงศ์ พระนครป้อมปราบศัตรูพ่าย บางรัก ดุสิต (เว้นแขวงนครไชยศรี), 8.นายเทพฤทธิ์ สีน้ำเงิน พรรคไทยสร้างไทย และ 9.นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ พรรคเปลี่ยน

ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ได้รับซองคำถามดีเบตในประเด็นว่า มีนโยบายเกี่ยวกับการชำระหนี้ กยศ. สำหรับคนที่สำเร็จการศึกษาไปแล้วอย่างไร โดย ดร.อรรถวิชช์ กล่าวว่า เมื่อเป็นหนี้ กยศ. ก็ต้องจ่าย แต่การชำระหนี้นั้นตามหลักการความเป็นจริงที่ถูกต้อง เมื่อมีงานทำแล้วเข้าสู่ระบบภาษีก็สามารถติดตามได้ บางพรรคเสนอเรียนฟรีถึง ป.ตรี เกรงว่าอาจจะเกิดความล้มเหลวได้ ฉะนั้นเมื่อมีหนี้ กยศ. ต้องจ่าย ยืนยันว่าพรรคชาติพัฒนากล้า ไม่มีนโยบายประชานิยม และจ่ายเงินจำนวนมากๆ แต่เรามีนโยบาย อาทิ เงินเดือน 4 หมื่นไม่ต้องเสียภาษี ได้งานทำครั้งแรกไม่ต้องเสียภาษี หรือเปลี่ยนระบบแบล็กลิสต์ใหม่

ดร.อรรถวิชช์ รับคำท้าดีเบตจากนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ในประเด็นเรื่องการยกเลิกเกณฑ์ทหารและใช้ความสมัครใจแทน จะมีความเป็นไปได้หรือไม่อย่างไร ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะทำหรือไม่ โดย ดร.อรรถวิชช์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้ายืนยันว่าต้องเดินหน้าไปสู่การไม่จับใบดำใบแดง ไม่เกณฑ์ทหาร วิธีการเดินหน้าไปสู่การไม่จับใบดำใบแดง หรือไม่มีการเกณฑ์ทหารมันไปหักด้ามพร้าด้วยเข่าทีเดียวไม่ได้ รับประกันว่าลุงไม่ยอมอยู่แล้ว เกณฑ์ทหารจำนวน 1 แสนคน สมัครใจอย่างเดียว 4 หมื่น ทำอย่างไรให้คนสมัครใจเยอะขึ้น ทั้งนี้ต้องลดกำลังทหารลง 1 แสนคน ให้เหลือ 6 หมื่น วันนี้จะเอาทหารไปทำอะไร เอาไปเป็นทหารรับใช้หรือ เราต้องอยู่ในสภาวะพร้อมรบจริง แต่ไม่ใช่เอาทหารไปเป็นทหารรับใช้ วันนี้อัตรานายพลบวมอยู่ข้างบน ส่วนข้างล่างแย่ลงเรื่อยๆ กองทัพมันถึงเวลาปฏิรูปแล้ว นอกจากนั้นต้องแก้กฎหมาย ก.พ. ใครจะเป็นตำรวจ เจ้าหน้าที่ กทม. เจ้าหน้าที่ป่าไม้ อุทยานฯ ต้องผ่านการเกณฑ์ทหารมาก่อนทั้งนั้น จะทำให้มีเจ้าหน้าตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่พร้อมรบ ไม่ใช่พร้อมไถ

โดยในช่วงรอบที่ 2 ของกิจกรรม เปิดโอกาสให้นักศึกษาในห้องประชุมร่วมยกมือซักถามและเลือกตัวแทนพรรคการเมืองในการตอบคำถาม และ ดร.อรรถวิชช์ ได้รับคำถามจากนักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ ว่า กรณีที่ค่าไฟแพง หากได้เป็นรัฐบาลจะมีนโยบายในการแก้ไขปัญหาอย่างไร อีกทั้งยังมีโรงงานเอกชนจำนวนเยอะมากเกินความจำเป็น จะมีแนวทางอย่างไรบ้างนั้น โดย ดร.อรรถวิชช์ กล่าวว่า “ค่าไฟแพง หรือค่าไฟสำรองนั้น ปกติการเก็บค่าไฟสำรองจะอยู่ที่ 15% แต่ประเทศไทยสำรองไว้เกือบ 60% และที่สำรองเกินก็เพราะเกรงกลัวนายทุน และถึงแม้จะมีการเซ็นเกินมาเยอะในสมัยคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ทราบในเรื่องนี้ว่าเกิน แต่ก็ยังมีการเซ็นเพิ่ม ถ้าน้องนักศึกษาได้รับชมมาร์เวล (Marvels) จะรู้ว่าใครคือธานอสตัวจริง”

ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือตั้งกองทุนโซลาร์รูฟท็อป ติดตั้งประมาณ 200,000 กว่าบาท โดยผ่อนจากเงินที่ค่าไฟมันลดลง และถ้าค่าไฟ 3,000 บาท ก็เอาค่าไฟที่ลดลงมาเป็นตัวผ่อนดอกเบี้ย 0% รวมถึงจะทำให้ภาคประชาชนสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเองได้

ดร.อรรถวิชช์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลที่ผ่านมาไม่เคยมีการทำโซลาร์รูฟท็อปและไม่เคยมองเห็นศักยภาพที่แท้จริงว่าภาคประชาชนสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าจากหลังคาบ้านตัวเองได้ เพราะมีแต่นำเงินไปให้คนรวย ที่รวยแล้วก็รวยทุกวัน แต่ถ้าประชาชนผลิตไฟฟ้าหรือโซลาร์รูฟท็อปเองได้ สิ่งที่จะเกิดขึ้น คือ สัดส่วนภาคประชาชนจะเข้าไปเบียด ความยั่งยืนทางพลังงานจะเกิด เพราะพลังงานแสงอาทิตย์ถูกลง และในช่วงหน้าร้อนจะต้องมีการลดค่าไฟ (ค่า ft) ทันที 90 สตางค์

“การเลือกตั้งคราวนี้ 14 พฤษภาคม คนที่น่ากลัวที่สุดคือทุนพลังงาน ไอ้ตัวนี้ล่ะ ธานอส ตัวจริง มันดีดเงินไปพรรคไหน พรรคนั้นได้เป็นรัฐบาล”

และในช่วงที่ 3 ก่อนจบการดีเบตในครั้งนี้ แต่ละพรรคการเมืองได้ร่วมเสนอนโยบายของตัวเองที่มีความเกี่ยวข้องกับคนรุ่นใหม่ New Gen

ดร.อรรถวิชช์ กล่าวว่า ชาติพัฒนากล้า เป็นพรรคการเมืองพรรคใหม่ อยากให้เป็นพรรคเศรษฐกิจ เป็นพรรคที่เชื่อในเสรีนิยมประชาธิปไตย เชื่อเรื่องการแข่งขัน พรรคชาติพัฒนากล้าไม่เน้นประชานิยมในนโยบาย เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากในทางการเมืองตลอด 20 ปี เราติดกับดักในการแจก ตนเชื่อว่าโอกาสนิยมเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้เกิดขึ้นได้ ตลอดที่ผ่านมาพรรคการเมือง มีนโยบายแจกถ้วนหน้า ตนไม่เชื่อในความเท่าเทียมแต่ตนเชื่อในความหลากหลายของแต่ละคน คนไม่เท่ากันจึงต้องให้ไม่เท่ากัน คนตัวเล็กมีบันไดเดินเสริมรังขึ้นมา ตนจึงทำนโยบายดังต่อไปนี้ ที่ไม่เกี่ยวกับการแจกเงิน เรื่องของการยกเลิกระบบ Blacklist ไม่ใช่เรากู้แบงก์แล้วต้องติด พอติดแล้วกู้เงินอีก 3 ปี คืนแล้วก็ยังติดอยู่เรื่อยไป จึงอยากให้เกิดการให้คะแนน น้องๆ ที่นั่งอยู่ตรงนี้ยังไม่เคยขอสินเชื่อ แต่ใช้จ่ายเงินผ่าน Application เป็นประจำ น้องก็สามารถมีสกอร์มีเครดิต เมื่อคุณเริ่มทำธุรกิจคุณก็เริ่มทำได้ ไม่ต้องเอาดอกเบี้ยบัตรเครดิตมาหมุน เอาดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคลมาหมุน นี่คือโอกาสในการทำธุรกิจ เงินเดือนเข้าทำงานครั้งแรกแน่นอนไม่ถึง 40,000 บาทไม่ต้องเสียภาษี ไม่ต้องมีมาตรการรัฐอะไรไปหลอกล่อ ถ้าเงินเดือนต่ำกว่า 40,000 บาทไม่ต้องเสียภาษี เรื่องเด็กไทย 3 ภาษา เราอยากให้มีเด็กเรียนภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาโค้ดดิ้ง (Coding) โดยที่ไม่ต้องเป็นภาระผู้ปกครอง ให้อยู่ในหลักสูตรที่ทำได้

เราอยากเห็นระบบราชการ เป็นระบบแบบหนึ่งคำของ่ายต่อการทำธุรกิจ เราได้นายกฯ ที่เป็นทหาร ไม่ใช่นักการเมือง เราได้นายกฯ ที่อาจอยู่ในยุคหนึ่ง ท่านอาจจะทำความดีในยุคของท่าน แต่ยุคนี้เปลี่ยนไปแล้ว โครงสร้างเศรษฐกิจมันกำลังเปลี่ยนไป สิ่งที่บอกคือกำลังจะสูงขึ้น โอกาสจะเห็นง่ายขึ้น ตนเชื่อว่าเงินแจก ไม่ว่าจำนวนเท่าไหร่ ก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตใครเปลี่ยน แต่จะกลายเป็นหนี้สาธารณะส่งถ่ายจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่รุ่นหนึ่ง โอกาสต่างหากมีแล้วชีวิตเปลี่ยน ถ้าเชื่อ เลือกพรรคชาติพัฒนากล้าในวันที่ 14 พ.ค. เบอร์ 14