เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.อ.ทวิศักดิ์ ขำผุด ผกก.สภ.ปากพะยูน จ.พัทลุง พร้อมด้วยกำลังฝ่ายสืบสวนในสังกัดและ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานพัทลุง ร่วมกันตรวจสอบเหตุฆ่ากันตายภายในบ้านพักพื้นที่ หมู่ 8 ต.ดอนประดู อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง โดยที่เกิดเหตุพบกองเลือดจำนวนมากอยู่บริเวณประตูหลังบ้าน และตรงกองไม้หน้าบ้านพบมีดปลายแหลมวางอยู่ 1 เล่ม ส่วนผู้เสียชีวิตนอนจมกองเลือดอยู่บริเวณถนนหน้าบ้านทราบชื่อ นายเก่ง (นามสมมุติ) อายุ 59 ปี มีบาดแผลถูกแทงเข้าชายโครงซ้าย-ขวา และด้านหลัง รวม 3 แผล บริเวณกกหูถูกตีด้วยไม้เป็นแผลฉกรรจ์ นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย ทราบชื่อ นางเก๋ (นามสมมุติ) อายุ 55 ปี ภรรยาของ นายเก่ง มีบาดแผลถูกตีบริเวณศีรษะจนกะโหลกร้าว แขนช้ายหัก พลเมืองดีเร่งนำตัวส่ง รพ.ไปก่อนหน้านี้

จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ก่อเหตุไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นฝีมือของ นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี นายลูกชายของนายเก่งนั่นเอง หลังก่อเหตุขี่จยย.หลบหนีไปทันที ทั้งนี้ นายกวง (นามสมมุติ) อายุ 62 ปี พี่ชายของนายเก่งผู้เสียชีวิต ให้การอ้างว่า หลานชายมีพฤติกรรมเกี่ยวกับยาเสพติด ก่อนหน้านี้เคยไปอยู่กับแม่ใน อ.ป่าบอน จ.พัทลุง จากนั้นก็ย้านมาอยู่กับพ่อได้ประมาณ 1 เดือน ระหว่างนั้นหลานชายมีปัญหากับ นางเก๋ ผู้เป็นแม่เลี้ยงมาโดยตลอด ซึ่งก่อนหน้านี้ยังเคยขู่จะฆ่าแม่เลี้่ยงให้ตายอีกด้วย ที่ผ่านมาแม้จะมีปัญหาแต่เพราะหลานชายออกไปทำงานทำให้ไม่เจอตนในบ้าน แต่เพราะวันนี้ (1 พ.ค. 66) เป็นวันแรงงานทำให้หยุดอยู่บ้านและเจอคนในครอบครัว จนเกิดมีเรื่องราวบานปลายขึ้น

ต่อมาเจ้าหน้าที่จับกุมตัว นายเอ เอาไว้ได้ขณะหลบหนีไปกบดานอยู่บ้านของแม่ตัวเอง พื้นที่หมู่ 3 ต.โคกทราย อ.ป่าบอน จ.พัทลุง โดยเจ้าตัวรับสารภาพว่าก่อเหตุฆ่าพ่อตัวเองจริง ช่วงเกิดเหตุได้หยิบไม้ยาวประมาณ 1 เมตร ตรงเข้าไปตีหัวแม่เลี้ยงที่กำลังนั่งซักผ้า ก่อนจะตีซ้ำต่อเนื่อง จังหวะนั้นพ่อรีบตะโกนห้ามปราม ก่อนจะเข้ามาต่อว่า ทำให้ตนเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก ที่พ่อแท้ๆ กับไปเข้าข้างอีกฝ่าย จึงฉวยมีดเข้าไปแทงชายโครงพ่อ 1 ครั้ง จังหวะพ่อวิ่งหนีตายไปหน้าบ้านแล้วล้ม ตนจึงเข้าไปแทงซ้ำอีก 2 ครั้ง ก่อนที่พ่อจะวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน ระหว่างนั้นตนเดินไปเอาไม้อันเดิมมาตีซ้ำที่หัวของพ่อจนแน่นิ่ง ก่อนจะทิ้งมีดปักไว้ที่กองไม้ ขี่ จยย.กลับไปยังบ้านแม่ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหา ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.