เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ที่ ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายเกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ พา น.ส.จี (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี พร้อมมารดา เข้าพบพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อร้องขอความเป็นธรรม หลัง น.ส.จี ถูกวัยรุ่นชายคนหนึ่ง ล่อลวงไปข่มขืน

น.ส.จี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ค. ที่ผ่านมา ชายผู้ก่อเหตุได้ล่อลวงตนกับน้องสาว ไปนั่งเล่นที่บ้านพักย่านร่มเกล้า เมื่อไปถึงพบบริเวณชั้นสอง มีชายวัยรุ่นรวมตัวมั่วสุมเสพยาเสพติดกันอยู่ประมาณ 5 คน จึงพยายามเดินหนีออกไปนอกบ้าน แต่ถูกชายคนดังกล่าว กระชากเข้าไปในบ้าน และจับล็อกกุญแจมือ ก่อนจะใช้อาวุธปืนจี้ข่มขู่น้องสาว บังคับพาออกไปจากบ้าน จากนั้นชายคนดังกล่าวจึงย้อนกลับมาข่มขืนตน ซึ่งระหว่างนั้นพยายามดิ้นขัดขืน แต่ก็สู้แรงไม่ไหว เพราะถูกล็อกกุญแจมือไว้อยู่

“ชายคนดังกล่าว เป็นรุ่นพี่ที่รู้จักกันในย่านที่พัก ซึ่งหนูยังเคยช่วยพาชายคนนี้ไปส่งรักษาพยาบาล ขณะที่ไปพบเห็นว่าประสบอุบัติเหตุ แต่กลับมาทำแบบนี้กับหนูได้” น.ส.จี กล่าว

ด้านมารดาของ น.ส.จี กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงลูกสาว เนื่องจากหลังเกิดเรื่อง ลูกสาวอยู่ในภาวะเครียด และเริ่มมีอาการซึมเศร้า รวมถึงหวาดกลัว ไม่กล้าออกไปไหน เป็นห่วงสภาพจิตใจ เพราะคนก่อเหตุเป็นอันธพาลในพื้นที่ มีการข่มขู่ ไม่ให้ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ ตนกลัวว่าการมาออกสื่อแบบนี้อาจจะทำให้ใช้ชีวิตลำบาก ส่วนเรื่องที่มีคนอ้างตัวว่าเป็นตำรวจโทรมาเครียร์นั้น ไม่แน่ใจว่าใช่ตำรวจหรือไม่ แต่มีการนัดหมายให้ไปพบเพื่อเจรจาข้อตกลงวันเสาร์นี้ แต่คงไม่กล้าไป ส่วนเรื่องคดี มีการลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว แต่ตอนนี้รอเอกสารผลตรวจร่างกายลูกสาวอยู่

“ยอมรับว่าหวาดกลัว เป็นห่วงลูกสาว เกรงว่าหลังจากนี้จะถูกทำร้าย และอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงต้องขอให้ทางกองปราบปรามมาทำคดี” มารดาผู้เสียหาย กล่าว

ด้าน ดร.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า ที่ต้องให้ทางกองปราบฯ ดำเนินการ เพราะมองว่าผู้กระทำความผิดเป็นผู้มีอิทธิพล มีการข่มขู่ เยาะเย้ย และยังมีการกล่าวหาจากภรรยาผู้ก่อเหตุว่า ผู้เสียหายไปอ่อยก่อน รวมถึงมีการโทรฯ จากปลายสายอ้างว่าเป็นตำรวจโทรฯ เข้ามาเครียร์ จึงมีความจำเป็นต้องขอให้ทางกองปราบฯ เข้ามาดำเนินการในคดีนี้

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ร้องทุกข์ เพื่อนำไปพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐานต่างๆ ก่อนส่งต่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป.