เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 12 พ.ค.​ ที่อิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดเวทีปราศรัยใหญ่ก่อนการเลือกตั้งใหญ่วันที่ 14 พ.ค. ภายใต้ชื่อ “เลือกเพื่อไทยแลนด์สไลด์ ประเทศไทยเปลี่ยนทันที” โดยบรรดาแกนนำพรรคทั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และผู้สมัคร ส.ส.พรรค พท. โดยมีผู้สนับสนุนพรรคเดินทางมาร่วมฟังการปราศรัยจำนวนมาก จนเต็มพื้นที่

นพ.ชลน่าน ปราศรัยว่า วันนี้เป็นการปราศรัยโค้งสุดท้ายก่อนมุ่งสู่เส้นชัย สิ่งที่ต้องการบอกว่าชัดๆ ว่า ต้องแลนด์สไลด์ เพราะมีความสำคัญกับทุกคน ถ้าไม่แลนด์​สไลด์ในการเลือกตั้ง จะสูญเสียจากโอกาส ถ้าแลนด์ส​ไลด์เพื่อจัดตั้งรัฐบาล พรรค พท. ต้องได้ ส.ส.250 คนขึ้นไป ไม่เช่นนั้นตาอยู่ 2 คน จะเป็นนายกฯ นั่นคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะมาเป็นนายกฯ พี่น้องเอาหรือไม่ ถ้าไม่เอาต้องร่วมกันเอา 2 ลุงออกไป ถ้าแลนด์สไลด์ ส.ว. ส่วนหนึ่งจะมีใจเป็นธรรมเลือกแคนดิเดตนายกฯ จากพรรค พท. ขอให้เข้าคูหากาพรรค พท. 2 ใบได้หรือไม่ เรามั่นใจว่าเราเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง

“วันนี้พายุฝนการเมืองกำลังตกหนักเกือบทุกพื้นที่ การเลือกตั้งครั้งนี้ มีคนกล่าวหามีการซื้อเสียงมากที่สุด ฝนนี้มันเป็นฝนกรดมีพิษ ตนมั่นใจว่าประชาชนคนไทยแม้โดนฝนกรด พี่น้องจะเก็บกินฝนนั้น เข้าคูหากาพรรคเพื่อไทย​ เพื่อรับเงิน 1 หมื่นบาท วันเลือกตั้งมั่นใจพรรคเพื่อไทย จะชนะเลือกตั้งถล่มทลาย 286 เสียงขึ้นไป” นพ.ชลน่าน ระบุ

น.ส.แพทองธาร ปราศรัยว่า พรรค พท. พร้อมแล้ว ประชาชนพร้อมส่งเพื่อไทย ไปเป็นรัฐบาลแก้ปัญหาให้ประชาชนแล้วหรือยัง วันที่ 14 พ.ค. จะเป็นวันประวัติศาสตร์ ที่จะเปลี่ยนผู้บริหารประเทศที่มาจากเผด็จการ สู่ผู้บริหารที่มาด้วยกระบวนการประชาธิปไตย การที่พรรค พท. ต้องมีแคนดิเดตนายกฯ 3 คน เพราะตลอดเส้นทาง ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย (ทรท.) พรรคพลังประชาชน จนถึงพรรค พท. เราเจออะไรมาเยอะ เราจึงไม่ประมาท แคนดิเดตนายกฯ ทั้ง 3 คน ทำงานเป็นทีมบวกกับพรรค พท. ที่แข็งแรง คิดใหญ่ทำเป็น วันนี้ไม่ว่าใครได้เป็นนายกฯ อีก 2 คน จะช่วยสนับสนุนให้นโยบายที่สัญญาไว้สำเร็จทั้งหมด ตนเคยได้ยินคนพูดว่า พรรคที่ถูกรัฐประหารมา ไม่สู้เคียงข้างประชาชน ถ้าไม่สู้เคียงข้างประชาชน ตนจะยืนอยู่ตรงนี้หรือ ถ้าพรรค พท. ไม่ยืนข้างประชาชน ถูกยุบไปสองครั้งจะกลับมาเช่นนี้หรือ

น.ส.แพทองธาร ปราศรัยว่า การเข้ามาการเมืองของตน ต้องการแสวงหาโอกาสให้คนรุ่นใหม่ มีช่องทางหารายได้ให้ครอบครัว เพื่อให้เศรษฐกิจดีอย่างตอนไทยรักไทยกลับมาอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ ตนได้คุยกับคุณพ่อ ท่านพูดกับตนว่า “ถ้าพ่อกลับมาติดคุก ระหว่างที่พ่ออยู่ในคุก ถ้าพรรค พท. เป็นรัฐบาล อยากจะใช้มันสมองของท่าน ช่วยคนไทยผ่านวิกฤติไปให้ได้ และท่านซึ้งใจ เพราะตั้งแต่ทำพรรคการเมืองมา ตั้งแต่ไทยรักไทย ได้รับการสนับสนุนของประชาชนตลอด ไม่เคยลืมบุญคุณของประชาชนเลย” พี่น้องยังจำช่วงชีวิตที่ดีสมัยพรรค พท. และพรรค พท. เป็นรัฐบาล ได้หรือไม่ จะเอาแบบนั้นอีกหรือไม่ วันที่ 14 พ.ค. ขอให้เข้าคูหากาพรรค พท. ผ่านวิกฤติไปด้วยกัน พรรค พท. เป็นรัฐบาล ประเทศไทยเปลี่ยนทันที ปิดสวิตช์ ส.ว. ปิดสวิตช์ 3 ป. คนไทยมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีกินมีใช้ไปด้วยกัน แลนด์สไลด์พรรค พท. เข้าทำเนียบรัฐบาล

นายเศรษฐา ปราศรัยว่า อีกสองวันจะมีการเลือกตั้ง จะเป็นวันที่ประชาชนจะร่วมกันแสดงพลังพร้อมใจกัน ก้าวออกจากหลุมดำ ที่ขังเรามานานกว่า 8 ปี ก่อนหน้านี้ประเทศไทยยืนอย่างสง่างามในเวทีโลก แต่ผู้นำคณะรัฐประหาร ได้สร้างวิกฤติ ทำลายศักดิ์ศรีของประเทศไทยในเวทีโลก เราคนไทยทุกคนล้วนเป็นผู้เสียหาย สูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำได้ขยายตัวขึ้นทุกวัน โดยฝีมือของรัฐบาลที่ประกาศคืน “ความสุข” แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการยึดอำนาจ ล้วนเป็นความทุกข์ความตั้งใจของตน ไม่มีอะไรซับซ้อน ตนเข้ามาตัวเปล่าโดยปราศจากคำสัญญาใดๆ กับนายทุน ผู้มีอำนาจ หรือผู้มีอิทธิพล คำสัญญาหนึ่งเดียวที่ตนมี คือคำสัญญาต่อพี่น้องประชาชน พรรคเพื่อไทย มีประวัติศาสตร์ยาวนาน วันนี้ขอโอกาสที่จะทำให้ 4 ปีข้างหน้า เจริญเติบโตรุ่งเรือง เหมือนที่พรรค ทรท. พรรคพลังประชาชน ที่ได้ทำไว้ให้กับคนไทยทุกคน

นายเศรษฐา ปราศรัยว่า นโยบายของพรรค พท. ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง แก้ปัญหาตั้งแต่ระดับโครงสร้างในภาพใหญ่ การแก้ปัญหาระยะสั้น จนถึงระยะยาว ประกอบกัน จนเป็นโรดแม็พของการพัฒนาประเทศ ถ้าพรรค พท. เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ประการแรก พี่น้องจะเห็นรัฐบาลที่เข้ามาบริหารอย่างจริงจัง ไม่ใช่บริหารแบบธุรการเหมือนที่ผ่านมา เราจะมียุทธศาสตร์ มีเป้าหมายที่ชัดเจน วางระบบไว้สำหรับคนรุ่นหลังให้เดินต่อไปได้ ตนจะไม่มาบอกว่า “ถ้าไม่มีผมแล้ว ประเทศจะอยู่อย่างไร” หรือ “ถ้าผมไม่ทำ แล้วใครจะทำ” ถ้าคนไทยทุกคนเอามือล้วงกระเป๋าตังค์ จะพบว่าตั๋วจำนำหมดไป แต่เราจะแทนที่ด้วยแบงก์ในกระเป๋ามากขึ้น หนี้สินก็น้อยลง รายจ่ายจะลดลง ยาเสพติดลดลงอย่างรวดเร็ว นักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมาก และกระจายไปทั่วประเทศ เราจะคืนอากาศที่สะอาด

นายเศรษฐา ปราศรัยว่า เราจะลดการเกณฑ์ทหาร จะไม่มีใครโอดครวญเรื่อง ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน และค่าแก๊สอีกต่อไป เราจะจัดการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นภาระประชาชน เช่น ทำตัวเป็นนายประชาชน รีดไถประชาชน เราจะมีรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน เป็นกฎหมายสูงสุด ตามระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราจะขอเชิญทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ที่อยู่ในบอร์ดรัฐวิสาหกิจที่ตนไม่ถนัด ให้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง และประการสุดท้าย เราจะไม่เห็นความอยุติธรรมจากตำรวจ หรือหน่วยงานรัฐภายใต้อำนาจบริหารอีกต่อไป เราจะไม่เห็นการบังคับใช้กฎหมายอาญา มาตรา 112 เพื่อกลั่นแกล้งทางการเมือง เราจะไม่ให้คนตัวเล็กโดนกลั่นแกล้ง เราจะยกเลิกการตั้งด่านเก็บส่วย ของทั้งตำรวจ กรมการขนส่ง โดยไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป

นายเศรษฐา ปราศรัยว่า มีความฝัน ที่จะเห็นประชาชนไทย อยู่ดี กินดี ฝันว่าเศรษฐกิจจะเติบโต พร้อมกับความเจริญทางจิตใจ ฝันที่ประชาธิปไตยจะกลับคืนสู่พวกเราทุกคน และฝันว่าพรรค พท. จะได้รับใช้ประชาชนอีกครั้งนึง ตนและพรรค พท. จะต่อสู้เพื่อไม่ให้พวกเราตื่นขึ้นมาพบประเทศที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง เจอผู้นำที่เป็นคนเดิมไร้หัวใจ ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราเป็นสถาบันที่หนักแน่น แต่ถูกกลั่นแกล้งมากที่สุด โดยความอยุติธรรม เรายังยืนหยัดแข็งแกร่ง ทำประโยชน์เพื่อประชาชน ได้รับความศรัทธาจากประชาชน พิสูจน์จากผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา ตนมั่นใจว่าพวกเราก็จะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้อีก ทำให้เราเป็นพรรคเดียวที่มีโอกาส ทำให้ ส.ว. ต้องฟังเสียงประชาชน และเราจะไม่ทรยศต่อคนที่ร่วมอุดมการณ์ เราจะรับฟังทุกเสียงของประชาชน ภาพฝัน ความหวัง

“นโยบายที่ผมได้กล่าวไปในตลอด 75 วัน ที่ผมลงพื้นที่ เป็นไปได้จริง เรามีบทเรียนจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ในวันนั้นพรรค พท. เราพลาดไปเพียง 17 ที่นั่ง ไม่เช่นนั้นฝ่ายประชาธิปไตยจะเป็นผู้ชนะ เราจะต้องไม่ปล่อยให้การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการเลือกแบบไร้ยุทธศาสตร์ ขอวิงวอนจากใจ อย่าเลือกเพราะความกลัว แต่ให้เลือกเพราะความชัวร์ ว่าพรรคเพื่อไทยทำได้จริง และผม นายเศรษฐา ทวีสิน ขอเป็นนายกฯคนที่ 30 ของประเทศไทย ทำให้ประชาชนหลุดพ้นจากความมืดมน ขอให้ทุกคน ลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทย ทั้งสองใบ ให้จัดตั้งรัฐบาลได้อย่างมีเสถียรภาพ ให้พวกเราไปรับใช้ประชาชน ไปทำความหวังให้ทุกคนเปลี่ยนประเทศให้ได้จริง ส่งต่ออนาคตที่ดีกว่าให้ลูกหลาน” นายเศรษฐา ระบุ