เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่พรรคก้าวไกล น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาลว่า หลังจากที่มีการเซ็นลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ได้รับการตอบรับในเชิงบวกทั้งจากพรรคร่วมรัฐบาลและประชาชน หลังจากที่เรามีความชัดเจนเรื่องจุดยืนและนโยบายของพรรค และ ส.ว. มีความเข้าใจในหลักการและยอมรับที่จะโหวตนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีมากขึ้น แต่เรายังต้องเดินหน้าเจรจาเป็นรายบุคคลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้เสียงสนับสนุนให้ครบ และเชื่อมั่นว่าจะได้เสียงมากพอโหวตให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มี ส.ว. 19-20 คน ที่ให้การสนับสนุนให้นายพิธา ทิศทางไปในทิศทางบวก และมีบางคนออกมาส่งสัญญาณผ่านหน้าสื่อ

ส่วนกรณีตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ยืนยันว่า จำเป็นที่จะต้องมีตำแหน่งนี้ไว้กับพรรคก้าวไกล นอกเหนือจากการใช้อำนาจฝ่ายบริหารเรายังมี 3 วาระ ที่จะต้องได้ตำแหน่งประมุขนิติบัญญัติ เช่น เพื่อผลักดันกฎหมาย 45 ฉบับ ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ รวมถึงผลักดันข้อกฎหมายของพรรคการเมืองอื่น ดังนั้น เราจึงต้องมีตำแหน่งในส่วนนี้ ยืนยันว่าเพื่อเราจะผลักดันวาระการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยอย่างราบรื่น เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นการเปิดทางให้ไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งเป็นวาระสำคัญที่พรรคร่วมรัฐบาลเห็นด้วยเช่นเดียวกันและถูกบรรจุไว้ในเอ็มโออยู่แล้ว

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อไปว่า ส่วนตำแหน่งประธานสภา จะทำให้พรรคเพื่อไทยถอนตัวหรือไม่นั้น เชื่อมั่นว่า พรรคเพื่อไทยน่าจะเล็งเห็นความหวังที่พี่น้องประชาชน และมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่ถอนตัวและจะอยู่ร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลต่อไป ไม่ว่าจะมีตำแหน่งประธานสภาหรือไม่ก็ตาม จากการได้ลงนาม MOU ร่วมกันมาแล้ว ทั้งนี้ ยืนยันว่าปรากฏการณ์แทงข้างหลัง จะไม่มีอย่างแน่นอนจากพรรคก้าวไกล ส่วนข้อกังวลต่างๆ สามารถพูดคุยกันได้

ส่วนกรณีจำนวน ส.ส. ลดลงจากการประกาศของ กกต. แบบแบ่งเขตจาก 113 ที่นั่งลดเหลือ 112 ที่นั่ง ซึ่งทางพรรคเห็นข้อผิดพลาดตรงนี้อยู่แล้ว ดังที่ประกาศอยู่ในเว็บไซต์ของพรรคมาตั้งแต่ต้น ดังนั้น ยืนยันจำนวน ส.ส. ของพรรคก้าวไกลจะอยู่ที่ 151 ที่นั่ง รวมกับพรรคร่วมเป็น 312 ที่นั่ง ซึ่งทางพรรคไม่กังวลและเชื่อว่าไม่กระทบกับการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนการที่ กกต.รับรองผลได้เร็วขึ้น ทางพรรคก็จะเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วขึ้นจากเดิมที่คาดว่าไม่ต่ำกว่า 45 วัน โดยคาดการณ์ถ้าไม่มีปัญหาอื่นๆ มาแทรก ว่าน่าจะเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาลได้ข้อยุติภายใน 2 สัปดาห์น่าจะจบเรื่อง

ในช่วงนี้จะยังคงเดินหน้าการเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ และหารือพูดคุยนโยบายที่เห็นต่างอื่นๆ ทั้งกระบวนการและวิธีการจะต้องมีการหารือต่อไป เช่น เรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท ขณะนี้พรรคเพื่อไทยไม่ขัดข้องหากก้าวไกลจะดำเนินการในเรื่องนี้ รวมทั้งนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ของพรรคเพื่อไทย ก็ต้องพูดคุยว่าจะดำเนินการในนโยบายนี้หรือไม่ รวมทั้งนโยบายของพรรคการเมืองอื่นๆ ซึ่งต้องพูดคุยหาข้อสรุปเพื่อเสนอต่อรัฐสภา อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการวางตัวเองในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตอนนี้เดินหน้าในคณะเจรจา ส่วนที่ตัวเองมีชื่อติดโผ ครม. รัฐบาลใหม่ รมว.คลัง นั้น หากเป็นมติของพรรค พรรคมอบหมาย และไว้วางใจ ตนก็พร้อมที่จะรับตำแหน่ง

ส่วน MOU การนำกัญชาไปเป็นยาเสพติดผลจะเป็นอย่างไรนั้น น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า จะมีการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเพื่อทำให้เจ้าพนักงานยาเสพติดสามารถทำงานได้เต็มที่ และต้องคุ้มครองผู้ประกอบการ ผู้ปลูกที่ทำถูกต้อง แต่มีสุญญากาศของกฎหมายก็ต้องดูแลไม่ให้เกิดผลกระทบขอให้วางใจ ซึ่งจะมีการออกประกาศต่อไป

เมื่อถามถึงกรณีข้อพิพาทนายระหว่าง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ นายศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคไทยสร้างไทยนั้น น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ทั้งสองคนเป็นผู้ใหญ่กันทั้งคู่ การที่มีข้อพิพาทกันสามารถที่จะคลี่คลายไปแนวทางที่ดีได้เมื่อทั้งสองฝ่ายอารมณ์เย็นลง ได้มีการพูดคุยกันและไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นปัญหาในการร่วมงานกันต่อในอนาคต หาก นพ.ชลน่าน ยากให้ก้าวไกลเป็นตัวกลาง ก็ยินดี