เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. รักษาราชการแทน ผบก.ทล. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบส่วยสติกเกอร์ว่า ขณะนี้แน่ชัดแล้วว่า มีตำรวจทางหลวง 5-6 นาย เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จึงเตรียมเรียกให้มาช่วยราชการภายใน 1-2 วัน และหากพบพยานหลักฐานกระทำความผิดคดีอาญา ก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอน อย่างไรก็ตาม พฤติการณ์ของตำรวจกลุ่มดังกล่าวยังไม่ขอเปิดเผย แต่เบื้องต้นเป็นการสอบปากคำจากผู้เสียหายที่ให้การเป็นประโยชน์ และสามารถชี้ได้ว่า มีการกระทำเข้าข่ายความผิด โดยเชื่อว่าอาจจะมีผู้เกี่ยวข้องมากกว่า 6 นาย จึงขอเวลารวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจน เพื่อที่จะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องได้ทั้งหมด

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ส่วนผลการตรวจสอบข้อมูลการรับส่วยของแต่ละกองกำกับการใน บก.ทล. นั้น ทางชุดทำงานได้รับรายงานมาแล้ว อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูล และชุดสืบสวนที่ตั้งขึ้นก็จะตรวจสอบคู่ขนานกันไปด้วย ซึ่งวันนี้ยังได้ให้ชุดสืบสวนไปตรวจสอบตามสถานีตำรวจทางหลวงทั่วประเทศกว่า 50 จุด โดยเฉพาะด่านช่างน้ำหนักที่เคยมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับส่วยสติกเกอร์ ต้องตรวจสอบย้อนหลัง 2 ปี และให้รายงานผลมาโดยเร็ว

“ส่วนกรณีภรรยาของรอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม ทำสติกเกอร์ขายให้กับรถบรรทุก ชุดสืบสวนมีข้อมูลแล้ว แต่เป็นอีกส่วนที่จะสืบสวนคู่ขนานกัน ซึ่งในชุดสืบสวนนี้ จะตรวจสอบในหน่วยของตำรวจทางหลวงไปก่อน ขณะที่ตำรวจยังรอข้อมูลจากนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล และสมาพันธ์รถบรรทุก ส่งข้อมูลมาให้ร่วมตรวจสอบกับจเรตำรวจแห่งชาติ ในวันที่ 8 มิ.ย. นี้ จากนั้นเมื่อได้ข้อมูล ก็จะนำมารวมกันกับชุดสืบสวน และจะส่งเรื่องมาให้ตำรวจ ปปป. ดำเนินคดีต่อ” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว