เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เย็นวานนี้ สายตรวจ สภ.เมืองตรัง รับแจ้งเหตุชาวต่างชาติทำร้ายร่างกายหญิงไทยในห้างบิ๊กซีเขตเทศบาลนครตรัง จึงรีบนำกำลังเข้าระงับเหตุ ที่เกิดเหตุอยู่ภายในห้าง พบคนกำลังให้ความช่วยเหลือ น.ส.นัฎชนันท์ อายุ 53 ปี ถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บมีเลือดท่วมศีรษะ ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นชายชาวต่างชาติ ทราบชื่อ Mr.Straumann อายุ 62 ปี สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ตำรวจได้คุมตัวมาสอบปากคำที่ สภ.เมืองตรัง ก่อนประสาน พ.ต.ท.ปิยะนัช โตประเสริฐ สว.ตม.จว.ตรัง ตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจ ตม.ตรัง

ในระหว่างที่พนักงานสอบสวนพยายามสอบปากคำ ผู้ก่อเหตุยังคงขัดขืนและไม่ให้ปากคำ ยังคงนั่งเงียบและไม่ให้ความร่วมมือ พร้อมทั้งไม่ให้ผู้สื่อข่าวทำการสอบถามและบันทึกภาพ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำส่ง รพ.ศูนย์ตรัง เบื้องต้นได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้าจมูกหัก คิ้วขวาแตก และมีรอยฟกช้ำ นอกจากนี้ น.ส.นัฎชนันท์ อยู่ในระหว่างการรักษาตัวโรคเกี่ยวกับกระดูก ในตอนนี้อยู่ระหว่างการกายภาพบำบัด

สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ได้รับบาดเจ็บได้เดินทางมาซื้อของที่ห้างดังกล่าว ในขณะที่เข็นรถเข็นอยู่นั้นเอง ผู้ก่อเหตุได้เข็นรถมาชนกับรถเข็นของ น.ส.นัฎชนันท์ ทางผู้ได้รับบาดเจ็บจึงพูดเตือนไปว่าให้ระวังๆ และสุภาพหน่อย แต่ชายชาวต่างชาติรายดังกล่าว กลับสวนหมัดมาแหย่หน้า น.ส.นัฎชนันท์ ก่อนเดินหนีไป ผู้ได้รับบาดเจ็บจึงหยิบขวดน้ำพลาสติกในรถเข็นเขวี้ยงใส่คู่กรณีแต่ไม่โดน ก่อนที่คู่กรณีจะปรี่เข้าหา น.ส.นัฎชนันท์ รัวหมัดใส่หน้าไม่ยั้งจนได้รับบาดเจ็บ

สำหรับผู้ก่อเหตุพาสปอร์ตจะหมดอายุในวันที่ 14 พ.ย. 67 และถือวีซ่าพำนักบั้นปลายใช้ชีวิตหลังเกษียณ ล่าสุด ตำรวจแจ้งข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. ผู้บาดเจ็บออกจากห้องไอซียูและไปพักฟื้นต่อที่ตึกศัลยกรรมผู้ป่วยหนักแล้ว แต่ยังไม่สามารถตอบคำถามใด ๆ ได้ เพราะยังมีอาการบอบช้ำทั้งทางร่างกายและจิตใจ เนื่องจากก่อนหน้านี้ผู้บาดเจ็บเพิ่งไปถอนฟันมา แต่ถูกหมอฟันถอนผิดซี่ ทำให้เส้นประสาทอักเสบ ใช้เวลาผ่าตัดและพักฟื้นอยู่นานนับปี จนต้องใช้ไม้ค้ำยัน และเพิ่งจะทิ้งไม้ค้ำยันไม่ถึง 1 เดือน ก็มาเกิดเหตุดังกล่าวขึ้นซ้ำอีก

ด้านลูกชายของผู้บาดเจ็บ เล่าว่า แม่ไปซื้อของชั้น 2 โซนขายน้ำ ซึ่งแม่ของตนก็เข็นรถเข็นมาตามปกติแต่เดินไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ ก่อนที่จะมีฝรั่งเดินมาเบียดจนแม่ของตนเกือบจะล้ม แม่ของตนจึงพูดเป็นภาษาอังกฤษไปว่าช่วยให้เกียรติกันหน่อย ทำให้ฝรั่งมาต่อยแม่ของตนถึง 4 ครั้ง ก่อนจะเดินหนี แม่ตนจึงเอาขวดน้ำอัดลมปาใส่แต่ไม่โดน ทำให้ฝรั่งกลับมาผลักแม่ของตนจนล้มและเอาหัวเข่ายันคอแม่เอาไว้ ก่อนจะต่อยไม่ยั้งน่าจะเกิน 20 ครั้ง

ที่หมอบอกคือ ดั้งหัก เบ้าตาข้างขวาแตก หัวแตกร้าว แต่ไม่มีเลือดคั่งในสมอง ซึ่งเป็นห่วงเรื่องคดีกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะต่างชาติไม่ยอมให้การใด ๆ กับตำรวจ จึงอยากให้ช่วยทำให้เป็นเคสตัวอย่าง ไม่ให้มาทำกับคนไทยได้อีก ซึ่งแม่ตนก็ไม่สบายอยู่แต่ช่วงนี้แข็งแรงขึ้นแล้ว แต่มาโดนแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าแม่จะทรุดลงขนาดไหน ตอนนี้แม่พูดคุยได้แต่ไม่มาก เพราะเริ่มจะเบลอ เวลานั่งนานจะมีเลือดไหลออกทางจมูก

ในระหว่างการสอบสวน Mr.Straumann อายุ 62 ปี สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ผู้ก่อเหตุ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวตรังมาคอยเป็นล่ามในการสอบปากคำ ผ่านมา 9 ชั่วโมง ชายชาวต่างชาติรายดังกล่าว ยังคงนั่งนิ่งปิดปากเงียบไม่ยอมพูดคุยให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ จนเวลาประมาณ 01.00 น. พนักงานสอบสวนได้ให้ล่ามแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย เพื่อให้ผู้ต้องหารับทราบ แต่ผู้ต้องหาก็ไม่ยอมเซ็นรับสารภาพ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เตรียมประสานล่ามเตรียมส่งฝากขังศาลจังหวัดตรัง

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายวรวุฒิ หนูเรือง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 บ้านโคกพลา ต.โคกหล่อ และตำรวจ สภ.เมืองตรัง ได้ร่วมกันตรวจสอบบ้านเช่าที่ผู้ต้องหาได้เช่าอยู่ พบว่าเป็นบ้านปูนชั้นเดียว บริเวณประตูหน้าบ้านมีการล็อกด้วยแม่กุญแจแบบใส่รหัส ภายในบ้านมีการเปิดไฟไว้ 1 ดวง เมื่อเจ้าหน้าที่ส่งเสียงเรียกก็ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ด้านใน จากการสอบถามผู้ใหญ่บ้านทราบว่า พฤติกรรมของชายชาวสวิตเซอร์แลนด์รายนี้เป็นคนสันโดษ ชอบเดินถอดเสื้อตอนเช้าและกลางดึก ได้คบหากับผู้หญิงชาวไทย โดยได้เช่าที่บ้านหลังนี้นานแล้ว แต่ช่วงหลังสาวที่คบกันได้ย้ายไปอยู่ที่ จ.กระบี่ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีเรื่องระหองระแหงกัน