เมื่อวันที่ 4 เม.ย. ที่ สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จ.กาฬสินธุ์ นายชาญยุทธ โคตะนนท์ ประธานคณะทำงานเครือข่ายภาคประชาสังคมในการต่อต้านการทุจริต ปปท.เขต 4. จ.กาฬสินธุ์ และที่ปรึกษาฝ่ายวิชาการ คณะกรรมาธิการ จ.กาฬสินธุ์ (กธจ.) พร้อมด้วยนายณัฐพงษ์ ประชากูล อนุกรรมการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน จ.กาฬสินธุ์ ได้เข้าสอบถามความคืบหน้าการแก้ปัญหา กรณีชาวบ้านร้องเรียน จากผลกระทบการก่อสร้างโครงการรับเหมาก่อสร้างระบบท่อระบายน้ำแก้ปัญหาน้ำท่วมเมืองกาฬสินธุ์ฯ ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 62 ถึงปัจจุบันยังไม่แล้วเสร็จ ถึงแม้จะได้รับการขยายเวลาการก่อสร้างนานกว่า 1,300 วัน และเสียค่าปรับเป็น 0 บาท แต่การก่อสร้างยังไม่มีความคืบหน้า โดยเฉพาะได้สร้างปัญหาต่อชุมชนรอบด้าน และทำเศรษฐกิจเมืองกาฬสินธุ์ตกต่ำ ทั้งนี้ ได้เข้าพบและสอบถามความคืบหน้ากับนายวิจิตร งามชื่น โยธาธิการและผังเมือง จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งยินดีเปิดใจให้ความร่วมมือด้านข้อมูลเป็นอย่างดี

นายวิจิตร งามชื่น โยธาธิการและผังเมือง จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่ากรณีที่เกิดขึ้น ทางกรมโยธาฯและโยธาธิการ จ.กาฬสินธุ์ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามหาทางแก้ไขปัญหามาโดยตลอด ซึ่งชาวบ้าน และผู้ประกอบการในชุมชนที่ได้รับผลกระทบทราบดี ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และปัญหาพื้นฐานตามข้อจำกัด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเรื่อยมา พร้อมประสานทางผู้รับเหมาให้เข้ามาแต่ปัญหาและเร่งรัดการก่อสร้างตลอด แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร

“อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 2 เม.ย.67 ได้มีการประชุมคอนเฟอร์เร้นส์ ร่วมกับคณะทำงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ของกรมโยธาธิการที่ผ่านมา วาระสำคัญคือการแก้ไขปัญหาโครงการรับเหมาก่อสร้างระบบท่อระบายน้ำแก้ปัญหาน้ำท่วมเมืองกาฬสินธุ์ ซึ่งเบื้องต้นมีมติยกเลิกสัญญาโครงการดังกล่าว 1 สัญญา ทั้งนี้ เป็นไปตามระเบียบของกรมบัญชีกลาง ตาม ว.1459 (ลว 24 พ.ย.65 มาตรการเร่งรัดการปฏิบัติงานสําหรับสัญญาที่ได้รับการช่วยเหลือให้อัตราค่าปรับเป็นร้อยละ0) เพื่อดำเนินการกับผู้รับจ้างที่ไม่ทำตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ ซึ่งโยธาธิการจังหวัดฯ ยังรอคำสั่งอย่างเป็นทางการอยู่ คาดว่าจะมีผลหลังสงกรานต์เป็นต้นไป ในส่วนโครงการอื่นที่ผู้รับเหมารายดังกล่าว ซึ่งเป็นคู่สัญญากับกรมโยธา และการทำงานยังไม่แล้วเสร็จตามสัญญา ก็จะได้มีการพิจารณาในลำดับต่อไป” นายวิจิตร กล่าว

ด้านนายชาญยุทธ โคตะนนท์ ประธานคณะทำงานเครือข่ายภาคประชาสังคมในการต่อต้านการทุจริต ปปท.เขต 4. จ.กาฬสินธุ์ และที่ปรึกษาฝ่ายวิชาการ คณะกรรมาธิการ จ.กาฬสินธุ์ (กธจ.) กล่าวว่า ตนและคณะทำงานได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านมาตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เพราะปัญหาดังกล่าวยังไม่ได้รับการแก้ไขเท่าที่ควรจะเป็น ขณะที่การก่อสร้างก็ไม่มีความคืบหน้า แต่พบว่าทุกโครงการมีการเบิกจ่ายไปเป็นจำนวนมาก ทั้งที่ปริมาณน้อยมากหากเทียบกับเม็ดเงินที่เบิกจ่ายไปตามงวดงาน

นายชาญยุทธ กล่าวอีกว่า สำหรับคำตอบที่ได้รับทราบจากโยธาธิการจังหวัด ว่ากรมโยธาฯ มีมติยกเลิกสัญญาโครงการวางระบบท่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมเมืองฯ นั้น ตนมองว่าเป็นข่าวดีของทาง จ.กาฬสินธุ์ โดยเฉพาะพี่น้องประชาชน ผู้ประกอบการค้าขาย สถานบันเทิงต่างๆ เพื่อที่จะเปิดโอกาสให้ผู้รับเหมารายใหม่ ที่มีความพร้อม มีศักยภาพในการทำงาน มาดำเนินการต่อให้เสร็จต่อไป ในส่วนของการเยียวยาประชาชน ผู้ประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างของผู้รับเหมารายเดิม ทราบจากโยธาจังหวัดว่า น่าจะเป็นในความรับผิดชอบของผู้รับเหมารายเดิม และหากต้องการจะได้รับการเยียวยา คงต้องนำเรื่องเสนอต่อกระบวนการยุติธรรม

ขณะที่นางบัวแก้ว แสนกันยา ประธานชุมชนวัดใต้โพธิ์ค้ำ เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่าโครงการก่อสร้างเขื่อนกันตลิ่งริมลำน้ำปาว หน้าวัดใต้โพธิ์ค้ำ ความยาว 1,141 เมตร งบประมาณ 108,800,000 บาท ทราบว่าเริ่มต้นสัญญา 12 ก.ย.62 สิ้นสุดสัญญา 30 ก.ย. 64 แก้ไขสัญญาค่าปรับเป็น 0 ถึงวันที่ 5 ม.ค. 67 ผลงาน 79% ช้ากว่าแผน -21% เบิกจ่าย 50,377,600 บาท ซึ่งหลังจากขยายสัญญาเป็นครั้งที่ 2 เกินมาประมาณ 3 เดือนก็ยังไม่แล้วเสร็จ เห็นผู้รับเหมาขนย้ายเครื่องจักรหายไปหลายเดือนแล้ว

นางบัวแก้ว กล่าวอีกว่า งานก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ ผู้รับเหมาทิ้งหลักฐานให้เป็นตราบาปรอยกรรมไว้ ทั้ง “ถนนวิบากกรรม 7 ชั่วโคตร” ที่ชุมชนหัวโนนโก และถนนพร้อมพรรณอุทิศ รวมทั้งแท่งปูนที่ตอกไว้เป็น “สุสานเสาเข็ม” เต็มตลิ่งลำปาวหลงชุมชนหน้าวัดใต้โพธิ์ค้ำและชุมชนซอยน้ำทิพย์ เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ซึ่งปล่อยทิ้งไว้มานานหลายเดือน จนวัชพืชขึ้นปกคลุมเสาเข็มแล้ว ขณะที่ผู้รับเหมาก็หายเงียบไป ทิ้งปัญหาให้ชาวบ้านเผชิญชะตากรรม ทั้งนี้ พอทราบว่ากรมโยธาธิการฯ ยกเลิกสัญญากับผู้รับเหมารายเดิม เพื่อให้ผู้รับเหมารายใหม่เข้ามาทำงานต่อ และร่วมพัฒนากาฬสินธุ์ให้เจริญก้าวหน้าต่อไป ตนและชาวบ้านรู้สึกเหมือนฟ้าเปิดใหม่ และไม่ต่างกับเป็นการปลดทุกข์ให้ชาวบ้าน และปลดล็อคให้กับบ้านเมือง ที่เคยจมปลักกับปัญหาสารพัดสารพัน ได้โล่งอก สบายใจ ว่าจะได้เห็นเมืองกาฬสินธุ์เจริญก้าวหน้าเสียที หลังจากที่ทุกข์ทรมานมานานกว่า 5 ปี.