วันที่ 7 มิ.ย. นายชวลิต โรจนรัตน์ นายอำเภอไชยา จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย นายกิตติ ชินเจริญธรรม หัวหน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ และคณะ ได้เดินทางไปยังวัดโพธาราม (วัดเหนือ) พื้นที่หมู่ 3 ต.พุมเรียง หลังได้รับแจ้งข่าวจากชาวบ้านว่า ที่บริเวณวัดดังกล่าวมีการขุดพบวัตถุโบราณ หลังมีการนำรถแบ๊กโฮเข้าปรับพื้นที่เพื่อก่อสร้างศาลามณฑปพระพุทธรูปสองพี่น้อง โดยขณะขุดดินลึกประมาณ 1.5 เมตร ได้พบพานลักษณะเป็นเนื้อโลหะสีทอง ลายกลีบบัวซ้อนชั้น ขนาดหน้าพานกว้าง 8.4 ซม. สูง 5.2 ซม. ฐานสูง 1.7 ซม. ฐานล่างกว้าง 5.3 ซม. เบื้องต้นเชื่อว่า เป็นวัตถุโบราณ จึงนำส่งมอบให้ พระครูอธิการสุภาส ถิระจิตโต เจ้าอาวาสวัดโพธาราม เป็นผู้เก็บรักษา

จากการสอบถาม นายวรัญญู ชูศรี กรรมการวัด เล่าให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา ได้มีการนำรถแบ๊กโฮเข้ามาปรับพื้นที่หน้าดิน เพื่อที่จะสร้างมณฑป ไว้พระพุทธรูปสองพี่น้อง ซึ่งเป็นประจำหมู่บ้านคู่เมืองของชาวพุมเรียง ซึ่งขณะขุดปรับพื้นที่ลึกลงไปประมาณ 1.5 เมตร ปรากฏว่าได้ตักเอาเศษวัตถุต่างๆ จำพวกแก้ว, ถ้วย ที่แตกหักขึ้นมาจำนวนหนึ่ง ตนและกรรมการวัดทุกคน จึงได้ช่วยกันนำสิ่งของเหล่านั่นมาทำความสะอาด จนกระทั่งพบว่ามีพานโลหะสีทองใบดังกล่าวด้วย เมื่อนำไปให้ร้านทองตรวจสอบก็พบว่าเป็นทองคำ น้ำหนัก 52.89 กรัม จึงมอบให้เจ้าอาวาสเก็บรักษาและแจ้งให้ทางราชการทราบ

ด้าน นายกิติ ชินเจริญธรรม หัวหน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ อำเภอไชยา กล่าวว่า ลักษณะวัตถุโบราณดังกล่าวเป็นประติมากรรมในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น อายุประมาณ 200 ปี ทำจากทองคำโบราณ ซึ่งบริเวณดังกล่าว ในแถบตำบลพุมเรียง มักจะมีการขุดพบ วัตถุโบราณ จำพวกเครื่องถ้วยชามสังคโลก ลูกปัด พระพุทธรูป และอื่นๆ อยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากเป็นพื้นที่ ซึ่งเป็นหัวเมืองเก่าของภาคใต้ ที่บ่งชี้ถึงความเป็นเมืองที่มีอารยธรรมและความรุ่งเรืองมาก่อน โดยในพื้นที่อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีสิ่งปลูกสร้างที่ถูกขึ้นทะเบียน เป็นโบราณสถานและโบราณวัตถุจำนวนมาก โดยในช่วงที่ผ่านมา มักจะมี นักล่าสมบัติและวัตถุโบราณ ต่างเข้ามาขุดค้นหา และได้นำ สิ่งของมีค่าและวัตถุโบราณเหล่านั้นออกจากพื้นที่ จึงวอนให้ชาวบ้านช่วยกันดูแลรักษาทรัพย์สมบัติครั้งก่อนประวัติศาสตร์ เพื่ออนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานได้ศึกษาต่อไป