จากกรณีที่ตำรวจทางหลวงได้รับแจ้งเบาะแสว่า จะมีการลักลอบขนน้ำมันเชื้อเพลิงเถื่อนจากภาคใต้เข้าสู่พื้นที่ กทม. เพื่อนำมาส่งต่อปั๊มน้ำมันต่างๆ ในพื้นที่ กทม. และเขตปริมณฑล โดยใช้รถบรรทุกกึ่งพ่วงเป็นยานพาหนะ จึงจัดกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ตามเส้นทางต่างๆ โดยตำรวจทางหลวง 3 จึงร่วมกับเจ้าหน้าที่สรรพสามิตประจวบคีรีขันธ์ตรวจสอบ และวางแผนเข้าจับกุม นายสมบัติ (สงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี คนขับรถ ซึ่งพบว่าใบกำกับการขนส่งน้ำมันมิได้ระบุวันเวลาที่เดินทางไว้ และไม่มีการลงลายมือชื่อผู้ออกใบกำกับจากผู้ค้าที่จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง

ซึ่งตรวจสอบแล้วไม่พบเอกสารการผ่านการตรวจสอบน้ำหนักรถบรรทุก จึงได้นำรถคันดังกล่าวไปทำการตรวจสอบน้ำหนักบริเวณด่านชั่งน้ำหนักกรมทางหลวง ผลการตรวจสอบได้ 50,030 กิโลกรัม ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ รวมถึงไม่มีใบกำกับภาษีที่แน่ชัด จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง พร้อมกับนำตัว นายสมบัติ และรถบรรทุกน้ำมันดีเซลคันดังกล่าวเป็นของกลางในคดี ทั้งมีการรายงานว่า ภายหลังการจับกุมนายสมบัติ ได้มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมสรรพสามิตรายหนึ่ง โทรศัพท์มาขอเจรจาไม่ให้ดำเนินคดีกับนายสมบัติ แต่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมไม่ยินยอม ปฏิเสธกลับไป ตามที่นำเสนอข่าวไปก่อนหน้านั้น

ล่าสุดวันที่ 12 มิ.ย. ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ นำข้อมูลเกี่ยวกับกรณีที่ชุดจับกุมตำรวจทางหลวง ได้จับกุมรถขนส่งน้ำมันเถื่อนที่จังหวัดสงขลา มอบให้กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. โดยนายอัจฉริยะ กล่าวว่า ตนได้รวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าของเรือ เจ้าของคลังน้ำมันที่เก็บซ่อนน้ำมันเถื่อนปลายทาง รวมทั้งหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการทลายขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนกว่า 3 ล้านลิตรนี้ให้หมด โดยเชื่อว่าขบวนการนี้ดำเนินการมาแล้วกว่า 5 ปี ทั้งยังมีความเชื่อมโยงกับตำรวจภูธรภาค 1 เชื่อว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการทลายขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ และใน จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 1 ด้วย

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ข้อมูลที่ได้รับในวันนี้ เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง และจะนำข้อมูลที่ได้ไปขยายผลต่อไป ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เร่งรัดการปราบปรามการส่งออกน้ำมันเถื่อนที่ไม่เสียภาษีอย่างถูกต้อง ทำให้ผู้ประกอบการที่ดำเนินการตามกฎหมายต้องเสียเปรียบ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ปราบปรามจับกุมตัวการใหญ่ในธุรกิจค้าน้ำมันเขียวแล้ว ยืนยันว่าหลังจากนี้จะดำเนินการปราบปรามการค้าน้ำมันเถื่อนอย่างเด็ดขาดต่อไป