ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ว่าที่ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ตามประเด็นร้อนที่มีการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน แต่เจ้าหน้าที่กลับแช่หมูปล่อยไว้นาน แถมมีการสืบจนเจอชื่อตัวการ แต่กลับไม่ทำลายและเอาผิด

โดยระบุว่า “ลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน ถ้าเกิดโรคระบาด ต้องมีคนรับผิดชอบ” เมื่อวันที่ 12 พ.ค. ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสประชุมกับกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย จึงได้ทราบปัญหาว่า ปัจจุบันมีการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน จากประเทศบราซิล และสเปน อย่างต่อเนื่อง เป็นจำนวนมาก ที่ผ่านมากลุ่มเกษตรกรได้ประสานไปยังกรมศุลกากร และกรมปศุสัตว์ มาโดยตลอด แต่ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม และเมื่อพิจารณาจากพฤติการณ์ของการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน ไม่ว่าจะเป็น

1. นำเข้าโดยสำแดงเท็จ ใช้พิกัดปลา หรืออาหารทะเล สวมรอยนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน
2. ใช้การนำเข้าเครื่องในหมู เป็นช่องทางในการลักลอบเข้าเนื้อหมูเถื่อน

3. รู้ทั้งรู้ว่าการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน จะนำเข้าจากบราซิล และสเปน ผ่านท่าเรือกรุงเทพ ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือมุกดาหาร ด่านสะเดา และด่านอรัญประเทศ แต่การเปิดตู้ตรวจสอบตู้คอนเทเนอร์ห้องเย็น ยังไม่มีความเข้มงวด เข้าใจว่ามีเพียงท่าเรือแหลมฉบังเท่านั้น ที่มีการเปิดตู้ตรวจ แต่ในจุดอื่นๆ ยังไม่มีมาตรการเข้มงวดในการเปิดตู้ตรวจแต่อย่างใด
4. เนื้อหมูเถื่อนจำนวน 161 ตู้ ที่ตกค้างอยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบัง กระบวนการในการส่งมอบให้กับกรมปศุสัตว์เพื่อนำไปทำลาย เป็นไปอย่างล่าช้ามาก นอกจากนี้ การตรวจสอบว่าเนื้อหมูเถื่อนทั้ง 161 ตู้ นั้นเป็นใคร บริษัทไหน ก็ไม่ใช่เรื่องยาก หลักฐานก็มัดแน่นหนาคาหนังคาเขา แต่ปรากฏว่าการดำเนินคดีกลับเป็นไปอย่างล่าช้า จึงเกิดข้อสงสัยว่า มีความพยายามที่จะปกป้องนายทุนเนื้อหมูเถื่อนหรือไม่

การลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน นอกจากจะทำให้ราคาเนื้อหมูในตลาดดิ่งลง ส่งผลกระทบกับกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูแล้ว สิ่งที่น่ากังวลสุดๆ ก็คือ เนื้อหมูเถื่อนเหล่านี้ไม่มีการตรวจเชื้อใดๆ จึงเป็นไปได้ที่จะมีสารเร่งเนื้อแดงปลอมปน ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสุขภาพของประชาชนผู้บริโภคอย่างมาก

นอกจากนี้ เนื้อหมูเถื่อนเหล่านี้ ยังอาจนำพาเอาโรคระบาดต่างๆ อาทิ โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร โรคปากเท้าเปื่อย มาแพร่ระบาดในประเทศไทยได้

เนื้อหมูเถื่อน ที่ทะลักเข้ามาอย่างมหาศาล และเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่บางคน เข้าไปอำนวยความสะดวก ไม่มีทางที่จะเหิมเกริม ทำเป็นขบวนการใหญ่โตแบบนี้ได้ เพื่อให้ปัญหาการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อนได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ผมจึงขอเสนอแนะแนวทาง ดังต่อไปนี้

1. กรมศุลกากร ต้องเร่งรัดการทำลายเนื้อหมูเถื่อน ที่ตกค้างอยู่ 161 ตู้ โดยเร็ว และโปร่งใส ไม่ใช่ปล่อยให้คาราคาซัง เสียบปลั๊กตู้ห้องเย็น เปลืองค่าไฟฟรีๆ มา 7-8 เดือน แล้ว
2. ประสานงานกับ DSI ในการดำเนินคดีกับนายทุนที่ลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน พร้อมกับสืบสวนสอบสวนขยายผล หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ศุลกากรคนใด เข้าไปเกี่ยวข้อง ให้ดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด

3. ออกคำสั่งกำชับให้ท่าเรือกรุงเทพ ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือมุกดาหาร ด่านสะเดา ด่านอรัญประเทศ เปิดตู้ตรวจสอบเพื่อสกัดเนื้อหมูเถื่อนอย่างสุดความสามารถ
4. พิจารณาชะลอ หรือยกเลิกการนำเข้าเครื่องในหมู เพื่อไม่ให้ถูกใช้เป็นช่องทางในการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน

การลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน เป็นปัญหาใหญ่มาก กระทบกับสุขภาพ และความปลอดภัยของประชาชนทั้งประเทศ ท่ามกลางเสียงเตือนจากภาคประชาชนซ้ำๆ ย้ำๆ แบบนี้ หากยังปล่อยปละ จนเกิดโรคระบาดขึ้น กรมศุลกากร คงไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้

อย่างไรก็ตาม “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมในทวิตเตอร์ ระบุว่า เนื้อหมูเถื่อน 161 ตู้ ผ่านมาหลายเดือนแล้ว ก็ยังไม่นำไปทำลาย เสียบปลั๊กให้เปลืองไฟอยู่อย่างนั้น เอกสารก็ชี้ว่านายทุนหมูเถื่อนที่นำเข้าเป็นใคร ทำไมคดีไม่คืบ รู้ว่าลักลอบนำเข้าจากบราซิล สเปน โดยแจ้งพิกัดเท็จเป็นอาหารทะเล ก็ยังไม่ยอมตรวจเข้ม ถ้าเกิดโรคระบาด ต้องมีคนรับผิดชอบ

อยากไปดูตู้คอนเทเนอร์ห้องเย็น 161 ตู้ ที่เก็บเนื้อหมูเถื่อนมากๆ เสียบปลั๊กเปลืองไฟหลวง มาหลายเดือนแล้ว อยากรู้ว่าเนื้อหมูในตู้ ยังอยู่ครบหรือเปล่า และมีอภินิหารอะไร ถึงไม่เอาไปทำลายเสียที เอกสารก็ชี้ชัดว่าใครนำเข้า แต่ทำไมคดีไม่คืบเลย…..

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : @Wiroj Lakkhanaadisorn – วิโรจน์ ลักขณาอดิศร