เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลผู้เสียสละเพื่อสังคม สำหรับ 8 บุคคลต้นแบบทำความดีเพื่อสังคม เป็นภาคีเครือข่ายของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติแก่บุคคล องค์กร ภาคีเครือข่ายที่ทำงานด้วยความเสียสละ มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการช่วยเหลือและพัฒนาประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายของ พม. ประกอบด้วย 1.คุณศิริพร ไชยสุต นายกสมาคมบัณฑิตสตรีทางกฎหมายแห่งประเทศไทย ในพระราชินูปถัมภ์ 2.ผศ.ดร.อานนท์  ศักดิ์วรวิชญ์ นักวิชาการ ปกป้องสถาบันกษัตริย์ 3.“มูลนิธิศูนย์วิจัยและติดตามความเป็นธรรมทางสุขภาพ” ทีมพัฒนาระบบแจ้งเหตุทางสังคมรูปแบบใหม่ “ESS Thailand” ปักหมุด หยุดเหตุฉุกเฉินทางสังคม 4.คุณจิตกร บุษบา สื่อมวลชน ครูผู้ช่วยเหลือนักเรียนขาดแคลน

5.ทพญ.ชรินญา กาญจนเสวี นักวิ่งหญิงคนแรกที่ใส่ชุดไทยวิ่งมาราธอนได้เร็วที่สุดในโลก (Guinness World Records) 6. คุณหิรัญ เกื้อสุข เจ้าของเพจ วาทะ ลูกหนัง Football Quotes ภารกิจเพื่อแผ่นดินไทย“สนาม (ฟุตซอล) ใหม่ ที่เกิดขึ้นเพราะทุกคน ที่แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ประเทศไทย” 7. น.ส.จารุณี สุขสวัสดิ์ หรือเปิ้ล นักแสดงอาวุโส รองประธานมูลนิธิส่งเสริมยุวเกษตรกรไทยในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และ 8. เด็กชายรัฐกิจ ป้อสีลา (น้องเจ้าขุน) เด็กชายไร้แขนหัวใจแกร่ง ผลิตงานช่วยผู้สูงอายุ

นายจุติ กล่าวว่า การมอบรางวัลนี้ไม่เกี่ยวกับการแสดงจุดยืนทางการเมืองว่า ให้กับคนที่มีความเห็นทางการเมืองเหมือนกัน เพราะมีคณะกรรมการหลายคนที่พิจารณาและตัดสินรางวัลนี้ให้คนที่เสียสละ มีกำลังใจในการทำงานต่อไป ตนเป็นเพียงผู้มอบรางวัลเท่านั้น ไม่ได้เป็นผู้เลือกใคร

ด้าน เปิ้ล จารุณี กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้น้ำตาจะไหลไม่ใช่ดีใจเพราะว่าได้รับรางวัล เพราะทุกคนรู้จักตนในฐานะนักแสดง และได้รับรางวัลมามาก แต่วันนี้เป็นการรับมอบรางวัลเรื่องความเสียสละ

ทั้งนี้หลังการรับมอบรางวัล เปิ้ล จารุณี ยังให้สัมภาษณ์กรณี “หยก” ว่า  ขณะนี้ พม. เข้าไปช่วยแล้วเชื่อว่าน่าจะมีสิ่งดีๆ พูดให้น้องเข้าใจมากขึ้น ส่วนตัวเคารพกฎเกณฑ์จะแต่งอะไรก็ได้ แต่ต้องยอมรับว่า เรามีปัญหาชนชั้น ซึ่งจะมีคนแต่งกายด้วยแบรนด์เนม และคนที่ไม่ได้แต่งแบรนด์เนม ซึ่งจะทำให้เกิดการบูลลี่ได้ อีกทั้งตนมองว่าการแต่งชุดเครื่องแบบจะทำให้รู้ว่าคนนี้ๆ เป็นเด็กที่ต้องได้รับความคุ้มครอง แต่หากไม่แต่งเลยก็ไม่มีใครแยกแยะได้ ที่จริงบ้านเราถือว่าดี แต่น้องอาจจะไปฟังเรื่องความอิสระเสรีอะไรมา แต่หากทุกคนเอาแต่ความอิสระ หากมีใครยกเท้า ถอดเสื้อคุยด้วยกับเราเพราะเห็นว่าตัวเองมีอิสระที่จะทำได้ก็คงไม่ใช่เรื่องดี อิสระก็ต้องมีขอบเขตด้วย.