เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ที่วอยซ์ทีวี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการประชุมพรรคร่วมรัฐบาลในวันที่ 2 ก.ค. นี้ ว่าพรรคก้าวไกลนัดหารือเป็นทางการวันที่ 2 ก.ค. 66 และชัดเจนว่าไม่เลื่อนอีก โดยในช่วงเช้าจะมีการหารือระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรค พท. จากนั้นจะประชุมหัวหน้าพรรค 8 พรรคร่วม หลังจากนั้นเรามีความชัดเจนในการพูดคุยกัน ซึ่งพรรค พท. มีกลไกภายในในการปรึกษาหารือ มั่นใจว่าจะคุยกันและสรุปจบด้วยดี

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราเองเป็นพรรคอันดับ 2 เราเข้าใจดีว่าเป็นพรรคอันดับ 2 ดังนั้นหลักของการเจรจาพรรคอันดับ 2 เราเคารพพรรคอันดับ 1 ตลอดเวลา ขอสังเกตว่าเวลาเสนอเราใช้เป็นข้อเสนอ เพื่อให้พรรคอันดับ 1 พิจารณา 14+1 คือข้อเสนอให้พรรคอันดับ 1 พิจารณา นั่นหมายความว่าเราเคารพเสียงท่านตลอดเวลา เราร้องขอไปว่าท่านจะพิจารณาให้หรือไม่ ไม่ใช่เป็นการยื้อแย่ง เป็นการบีบบังคับ 

“วงเจรจาแต่ละฝ่ายก็รู้สึกตัวเองดี เราเข้าใจว่าพรรคอันดับ 1 ควรได้สิทธิเป็นประธาน เราถือสิทธินั้น เราจึงขอมาว่ามาเป็นของพรรคอันดับ 2 ได้ไหมที่จะทำงานร่วมกัน เพื่อดุลยภาพในการทำงาน ท่านเป็นประมุขฝ่ายบริหาร แล้วเราเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ นี่เป็นเพียงข้อเสนอ ไม่ใช่การยื้อแย่งหรือเป็นการหักหลังพี่น้องประชาชน เขาจะให้ไม่ให้เรา เราต้องการคำตอบเป็นหลักการเท่านั้นเอง”

เมื่อถามว่า ถ้าเขาไม่ให้ตามที่เราต้องการจะเป็นอย่างไรต่อไป นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การเจรจาที่เรามีหลักพื้นฐานเดียวกัน คือเอาพี่น้องประชาชนเป็นตัวตั้ง 151+141 ได้ 292 เราใช้ตัวนั้นเป็นตัวตั้งเป็นหลักในการเจรจา สุดท้ายเราต้องการรัฐบาลที่มาจากฝ่ายประชาธิปไตย ถ้าเรายึดตัวนี้เป็นตัวตั้งเชื่อว่ามีข้อสรุปที่ดีแน่นอน ทั้งนี้ สิทธิของพรรคอันดับ 1 ถ้าเขายืนยันว่าเขาขอไม่ให้ เราเป็นพรรคอันดับ 2 เราก็ต้องมาพิจารณากันว่าจะทำอย่างไร 

นพ.ชลน่าน กล่าวถึง การเสนอชื่อประธานสภาว่า สิทธิของทางก้าวไกลจะเสนออะไรในฐานะคะแนนอันดับ 1 สามารถทำได้โดยชอบและเราในฐานะเป็นพรรคร่วม เราก็แถลงการณ์ให้สิทธิก้าวไกลในการเป็นแกนนำ ทุกประเด็นที่จะเป็นข้อเจรจาในการจัดตั้งรัฐบาล เราแถลงกันแล้ว ที่สำคัญเราเป็นพรรคอันดับ 2 ค่อนข้างระมัดระวัง 

“ตำแหน่งประธานสภาของพรรค พท. ในภาวะการที่เรากำลังเสนอขอตำแหน่ง โดยที่ยังไม่ได้รับคำตอบ ถ้าเราดันเอาชื่อคนใดคนหนึ่งขึ้นไปเสนอ ประกบกับพรรคก้าวไกล พรรค พท. จะถูกประณามมากกว่านี้ จะถูกมองว่าเป็นการแข่งทันที ซึ่งเราบอกว่าเราไม่ได้แข่ง เราขอ ความหมายต่างกันเยอะ เราขอให้คุณอนุญาตให้เราหรือไม่ ไม่ได้ขอตกลง ขอแปลว่าคุณจะให้เราหรือเปล่า” 

เมื่อถามว่า ถ้าเขายืนการไม่ให้จะเป็นอย่างไร นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ก็เป็นสิทธิของเขาไง เขาเป็นพรรคอันดับ 1 พรรค พท. จะได้กลับมาพิจารณาว่า เขาไม่ให้แล้วเนี่ย เราเป็นพรรคอันดับ 2 จะพิจารณาอย่างไรในการร่วมทำงานกับเขาเราจะทำงานแบบไหน

ผู้สื่อข่าวถามว่าพิจารณาในการทำงานไม่ได้รวมถึงการสลับขั้วในการจัดตั้งรัฐบาลใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า “เราถูกมัดด้วยอาณัติของประชาชน ผมพูดหลายครั้งแล้ว แม้เราอยากออกไป แต่เราออกไม่ได้เน้นนะครับ แม้เราอยากออกไป ซึ่งเรามีสิทธิด้วย ที่จะออกไป แต่ว่ามันไม่ชอบธรรม เราถูกพี่น้องประชาชน 25 ล้านเสียง มัดเรากับก้าวไกลให้ติดกัน มันจะเหมือนพ่อแม่เรา เราเป็นลูก ถูกเขาจับคลุมถุงชนให้มาแต่งงานกัน เราไม่มีสิทธิปฏิเสธจริงๆ เพราะฉะนั้นเจตจำนงของประชาชน 25 ล้านคน เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดเราคำนึงถึงจุดนี้ในการเจรจา เมื่อพรรคก้าวไกลเขาไม่ให้ เราก็ต้องมา พิจารณาว่าเขาไม่ให้ เราก็ไม่ควรจะต้องรับ ใช่ไหมครับ”

เมื่อถามว่าในการโหวตเลือกประธานสภา ควรมีเพียงชื่อเดียวในฝั่งของพรรค พท. และพรรคก้าวไกลใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า แน่นอน เราทำงานในระบบพรรคการเมือง เมื่อมีมติชัดเจนออกมาอย่างไรมติต้องไปทางนั้น จะเป็นการแหวกมติไม่ได้ แน่นอนเราจะป้องกันไม่ให้เกิดฟรีโหวต จะต้องมีข้อตกลงที่ชัดเจน ทั้งนี้ ยังไม่ได้รับแจ้งว่าจะมีการเลื่อนวันโหวตประธานสภา จากวันที่ 4 ก.ค. ออกไป ซึ่งไม่เกี่ยวกับไทม์ไลน์การพูดคุย เพราะหากวันที่ 2 ก.ค. ได้ข้อยุติแล้ววันที่ 3 ก.ค. เราไปทำรัฐพิธี เปิดรัฐสภาวันที่ 4 ก.ค. ก็จะเข้าสู่การโหวตได้ ยิ่งเลื่อนให้ช้าไปก็จะยิ่งเสียผลประโยชน์ 

เมื่อถามว่า ถ้าการพูดคุยเจรจาระหว่างพรรค พท. กับพรรคก้าวไกล ยังไม่ลงตัว นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่มี ต้องจบวันที่ 2 ก.ค. เพราะเราจะโหวตวันที่ 4 ก.ค. แล้ว ส่วนหากพรรค พท. จบ แต่พรรคก้าวไกลไม่จบยืนยันว่าเราเป็นผู้เจรจา สิ่งที่เราต้องมีวัตถุประสงค์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย ต้องทำให้จบฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใดทำให้ไม่จบไม่ได้ มันต้องจบทั้งสองฝ่าย

ทางด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงสูตรการจัดตั้งรัฐบาล 13+1 และ 15+1 ว่า กำลังงงกับข่าวนี้ เราไม่เคยได้ยินและพูดในข่าวนี้ ขอยืนยันสูตร 14+1 และจะต้องหารือกันเมื่อประกาศชัดเจนแล้ว ให้ยึดหลักการนี้มาประกอบในการเจรจา ซึ่งไม่ใช่สูตรที่ตายตัว ยืนยันว่า 13+1 กับ 15+1 เป็นข่าวที่ไม่รู้มาจากที่ไหน ไม่มีการยืนยัน ไม่ทราบทั้งสิ้น เพราะเราไม่เคยเสนอสูตรนี้

เมื่อถามว่าพรรคยังยืนยันสูตร 14+ประธานสภาใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ถือว่ายังไม่มีการพูดคุยกัน มีการเสนอพรรคก้าวไกลไปหลายครั้งแต่ยังไม่ได้รับคำตอบที่เป็นทางการชัดเจน ดังนั้นเราต้องเริ่มต้นจากจุดนี้ที่มีการคุยค้างไว้ ส่วนจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับการเจรจา

“14+1 เราเสนอบนพื้นฐาน ของคะแนนที่ไล่เลี่ยกัน และเราอยากรักษาความรู้สึกของแฟนคลับทั้งสองฝ่ายที่ต้องการให้ร่วมมือกันได้ แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งเสียงที่ออกมาเป็นคำตอบรายบุคคลและเป็นคำตอบที่ยังไม่เป็นทางการ” นายภูมิธรรม กล่าว

เมื่อถามถึงการเปิดตัว นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล เป็นประธานสภา ทำให้พรรค พท. เสียเปรียบหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า อยู่ในดุลพินิจของพี่น้องประชาชน ซึ่งในการพูดคุยพรรค พท. ยังไม่ได้เสนอชื่อบุคคล และประวัติ เพราะเราอยากเคารพการตัดสินใจที่จะปรึกษาร่วมกัน

“เราถือว่าถ้ายังไม่ชัดเจนก็ไม่ควรเสนอเพื่อให้กลายเป็นปัญหาที่ทำให้เกิดความรู้สึกไม่พอใจในผู้สนับสนุนทั้ง 2 พรรคการเมือง นั่นเป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลอยากเสนอ แต่เราเคารพในการพูดคุยกัน เราจึงไม่เสนอ แต่ถามว่าเรามีความพร้อมไหม เรามีความพร้อมและมีบุคลากรหลายคนที่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการทำงานในสภา”

เมื่อถามว่า กรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการเสนอชื่อ นพ.ชลน่าน เป็นแคนดิเดตประธานสภา นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยัง แต่มีการการคุยพูดไว้ว่า ถ้าจะให้สมดุลมีเหตุมีผลหัวหน้าพรรคทั้ง 2 พรรค ควรจะได้ตำแหน่งที่สมดุลกัน เพื่อที่จะทำงานแล้วประสานกันได้เป็นอย่างดี สิ่งนี้ยังไม่ใช่ข้อสรุป แต่เป็นเพียงการพิจารณาที่ดูเหมาะสม สุดท้ายแล้วตนไม่อาจบอกได้ว่าเหมาะสม ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการเจรจาและคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ที่จะตัดสินใจ 

ผู้สื่อข่าวถามว่าวันที่ 2 ก.ค. จะได้ข้อสรุปหรือไม่ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าการประชุมเลือกประธานสภา ในวันที่ 4 ก.ค. อาจเลื่อนออกไป นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่า การประชุมวันที่ 4 ก.ค. มีการเลื่อนออกไปหรือไม่ แต่เท่าที่เราทราบตอนนี้คือวันที่ 4 ก.ค.

เมื่อถามถึงกรณีที่รายงานข่าวจากพรรคก้าวไกลว่าวันที่ 1 ก.ค. นี้ นายพิธาและน.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรค พท. จะเดินทางไป จ.ขอนแก่น เพื่อไปขอบคุณประชาชน ว่า ก็ได้ยินข่าวมาจากสื่อ แต่พรรค พท. ไม่ได้มีการพูดคุยในเรื่องนี้ จึงคิดว่าการจะลงพื้นที่ของทั้งสองคนร่วมกัน ไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่จะคุยกันฝ่ายเดียว 

เมื่อถามย้ำว่าที่มีข่าวแกนนำของสองพรรคจะจับมือลงพื้นที่พร้อมกันจะเป็นการมัดมือชกพรรค พท. ว่าคุยตกลงประธานสภาลงตัวแล้วหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ทราบ และยังเห็นว่าเป็นข่าวโคมลอย ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดและมาจากไหน.