เมื่อวันที่ 1 ก.ค. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คําชํานาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รองผบช.สอท. พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รองผบช.สอท. สั่งกาารให้ พล.ต.ต.ชรินทร์โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.ชัยพันธุ์ ทัพวงษ์ รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.เอกวีร์ พงศ์สร้อยเพ็ชร รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.บัญชา ศรีสุข รอง ผบก.สอท.5, พ.ต.อ.อรรถพล มีเสียง รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองผบก.สอท.5 พ.ต.อ.ศุภกร ธัญญกรรม ผกก.1 บก.สอท.5 นำหมายค้นศาลจังหวัดกระบี่ที่ 149/2566 ลงวันที่ 30 มิ.ย. 66 ที่ร้านโฮมวีดีโอ เลขที่ 325/1 หมู่ 1 ต.คลองพน อ.คลองท่อม จ.กระบี่ จับกุมตัว นายอภิชาต ปิยะวิริยะกุล อายุ 39 ปี นายสุวัฒน์ ปิยะวิริยะกุล อายุ 62 ปี และ นางสุดสวาท ปิยะวิริยะกุล อายุ 61 ปี พร้อมของกลางซิมการ์ดโทรศัพท์ ( ซิมม้า ) ที่ลงทะเบียนใช้งานแล้ว จำนวน 935 ซิม และซิมการ์ดที่ลงทะเบียนแล้วยังไม่ได้ใช้งานจำนวน 142 ซิม พร้อมสมุดบันทึกรายการยอดขายร้านค้า จำนวน 1 เล่ม โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่า ร้านโฮมวีดีโอ เป็นร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ ซิมการ์ด และอุปกรณ์โทรศัพท์ มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายเลขหมายโทรศัพท์ที่ลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลอื่นแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ ให้กับลูกค้าที่ร้านดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมขอซื้อซิมการ์ดดังกล่าวเมื่อซื้อซิมการ์ดแล้วทางร้านเป็นผู้นำซิมการ์ดใส่กับโทรศัพท์เอง และทางร้านไม่ได้ขอบัตรประจำตัวประชาชนในการลงทะเบียนแต่อย่างใด จากนั้นก็สามารถเปิดใช้ได้ในทันทีโดยไม่ต้องลงทะเบียนแต่อย่างใด เจ้าหน้าตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐานเข้าค้นร้านดังกล่าว

นายอภิชาติ ให้การยอมรับว่า ของกลางทั้งหมดเป็นของตนจริง โดยก่อนจะถูกจับกุมตนประกอบอาชีพขายโทรศัพท์มือถือ โดยได้เปิดร้านขายโทรศัพท์มือถือมาประมาณ 6 ปี หลังจากนั้นทางบริษัทเครือข่ายมือถือได้บังคับยอดจำหน่ายเนื่องจากกฎหมายกำหนดให้ผู้ซื้อซิมโทรศัพท์มือถือลงทะเบียนได้คนละไม่เกิน 5 ซิม ทำให้ยอดจำหน่ายของตนลดลง

ต่อมาทางบริษัทได้เสนอให้ตนจำหน่ายซิมโทรศัพท์ โดยการลงทะเบียนมาให้ในนามของตนซึ่งตนก็ตอบตกลง และทางบริษัทได้ให้ตัวแทนจำหน่ายติดต่อกับตนโดยตรง โดยตัวแทนจำหน่ายจะนำสินค้าซิมโทรศัพท์มือถือมาส่งให้ที่ร้าน ในส่วนของซิมการ์ดของเครือข่ายเอไอเอส จะลงทะเบียนในนามนิติบุคคลชื่อโฮมวีดีโอ ซึ่งตนเป็นกรรมการผู้จัดการ โดยตนจะเป็นผู้ลงทะเบียนซิมการ์ดเอง ซึ่งใช้โทรศัพท์มือถือทั้ง 2 เครื่อง เป็นโทรศัพท์ที่ลงทะเบียนซิมการ์ดถ้าเป็นซิมการ์ดของเครือข่ายทรูมูฟทางบริษัททรูมูฟจะลงเบียนมาให้ในชื่อของนายสุวัฒน์ สำหรับซิมการ์ดของเครือข่ายดีแทคทางบริษัทจะลงเบียนมาให้ในชื่อของนางสุดสวาท สำหรับซิมของบริษัททรูมูฟจะส่งมอบให้ตนจำนวน 300 ซิม ส่วนซิมของดีแทคบริษัทดีแทคจะส่งมอบให้ตนจำนวน 300 ซิม ในส่วนของซิมเอไอเอสตนได้ลงทะเบียนครั้งละ300 ซิม ซึ่งรายได้จากการจำหน่ายซิมการ์ดทั้งหมดประมาณเดือนละ 130,000 บาท ซึ่งได้ส่วนต่างค่าตอบแทนเป็นเงินจำนวน20 บาท ต่อ 1 ซิม ถ้าจำหน่ายได้เกินเป้าหมายจะได้ส่วนต่างเพิ่มขึ้นตามอัตราที่บริษัทกำหนด

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา ร่วมกันเป็นธุระจัดหาโฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใด เพื่อให้มีการซื้อ หรือขายเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียน ผู้ใช้ บริการในนาม ของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้วแต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทรายขาว จ.กระบี่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.