เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือวิป 3 ฝ่าย ว่า เป็นการหารือกันระหว่างประธานสภา ตัวแทนของวุฒิสภา และพรรคการเมืองต่างๆ โดยตกลงกันเรื่องระยะเวลาว่าจะเริ่มประชุมในเวลา 09.30 น. หลังจากที่มีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแล้ว ประธานรัฐสภาเสนอว่าจะเปิดให้สมาชิกทั้ง 2 สภา ได้อภิปรายซักถามกันอย่างเต็มที่ก่อนที่จะมีการโหวต โดยคาดการณ์ว่าได้เริ่มโหวตช่วงเวลาประมาณ 16.00-17.00 น.

เมื่อถามว่าจะเสนอให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ได้แสดงวิสัยทัศน์หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า เมื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกรัฐสภาได้อภิปรายและซักถามแล้ว ก็เท่ากับเป็นการแสดงวิสัยทัศน์ไปในตัวได้ด้วย เมื่อถามถึงเสียง ส.ว. ที่จะสนับสนุนมีเพียงพอหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ยอมรับว่ามีกระแสกดดันใน ส.ว. ค่อนข้างมาก ดังนั้น ส.ว. ตอนนี้ส่วนใหญ่จึงมีท่าทีที่ไม่แสดงออกชัดเจน คงต้องวันที่ 13 ก.ค. ทีเดียว และยังมีโอกาสที่เราจะได้เสียง ส.ว. เพียงพอ ตอนนี้มันมีความไม่แน่นอน

เมื่อถามต่อว่าในส่วน ส.ว. ที่พรรคได้ประสานพูดคุยไปมีส่งสัญญาณบวกมาหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า มีสัญญาณบวกแน่นอน แต่ต้องยอมรับว่าหลายวันนี้ได้รับกระแสข่าวว่ามีการกดดัน ส.ว. แต่ละคนที่ถูกคาดหมายว่าจะโหวตสนับสนุนนายพิธาอย่างมาก ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรไม่ทราบ แต่กระแสข่าวมาเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นส่งข้อความ ส่งคนไปพูดคุยกดดัน หรือบางกระแสข่าวว่ากันว่ามีความพยายามจะแบล็กเมล์ด้วยซ้ำ หรือเสนอผลประโยชน์ให้ต่างๆ นานา ซึ่งหวังว่าจะไม่เกิดขึ้นจริงๆ เมื่อถามย้ำว่ามีหลักฐานในเรื่องนี้หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่มี เพราะเป็นเพียงกระแสข่าว และหวังว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นจริงๆ

เมื่อถามว่ามี ส.ว. บางคนออกมาเตือนพรรคที่จะโหวตให้กับนายพิธา อาจถูกยุบพรรค เพราะลงมติให้กับบุคคลที่มีคุณสมบัติขัดกับรัฐธรรมนูญ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่น่าเกี่ยวกัน ส.ว. บางคนก็บอกว่าไม่เกี่ยวกัน จะมีข้อกล่าวหาอย่างไรก็แล้วแต่ เมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เมื่อยังไม่มีข้อยุติถึงที่สุด หลักทั่วไปต้องถือว่านายพิธา ยังไม่ผิด และเป็นการแยกกันทำหน้าที่อยู่แล้ว ระหว่างเรื่องการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครตามกฎหมาย กับการโหวตนายกรัฐมนตรีของสมาชิกรัฐสภา

ต่อข้อถามว่าคุณสมบัติของนายพิธา อาจทำให้ ส.ส. ไม่กล้าโหวตสนับสนุนให้เป็นนายกฯ ด้วยหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า สมาชิกรัฐสภาน่าจะแยกออก สิ่งที่กังวลมากกว่าคือความพยายามที่จะชูเรื่องความจงรักภักดีมาเป็นหลักเกณฑ์ในการให้โหวตหรือไม่ให้โหวตแคนดิเดตนายกฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมในการที่จะทำแบบนั้น เพราะถือเป็นการหมิ่นเหม่ที่จะนำสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาปะทะกับผลการเลือกตั้ง ซึ่งถือว่าไม่ส่งผลดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย 

เมื่อถามต่อว่ามี ส.ว. บางคนอยากให้พรรคก้าวไกลลดเพดานในการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา ตนได้ทราบข่าวแม้กระทั่งว่ามีการส่งข้อความกันในหมู่ ส.ว. ว่าต่อให้นายพิธา หรือพรรคก้าวไกลจะอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ขออย่าให้ ส.ว. หลงเชื่อ เข้าใจว่าท่านที่มีเจตนาแน่วแน่ ไม่ต้องการเห็นพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล ก็จะมีเหตุผลร้อยแปด

เมื่อถามว่ามีการพูดคุยกันหรือไม่ว่าหากโหวตรอบแรกไม่ผ่าน จะดำเนินการอย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า ในห้องประชุมไม่ได้หารือเรื่องนี้ ได้ข้อสรุปว่า ยังไม่ใช่วาระ ยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดคุย อย่างไรก็ตามเราพยายามจะทำให้วันที่ 13 ก.ค. ดีที่สุดก่อน

ถามด้วยว่าการโหวตนายกฯ ครั้งนี้ จะเรียกชื่อเพื่อโหวตเรียงตามตัวอักษร หรือโหวตแยกระหว่าง ส.ส. กับ ส.ว.นายชัยธวัช กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือกัน มีบางคนได้หารือว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะให้ ส.ส. โหวตก่อนเรียงตามตัวอักษร แต่ในที่ประชุมเห็นว่าคงยังไม่เหมาะสมที่จะงดเว้นข้อบังคับประชุมรัฐสภา แต่ความจริง ส.ว. ทราบอยู่แล้วว่าเสียงส่วนใหญ่ของ ส.ส. ตอนนี้เสนอชัดเจนว่าทั้ง 8 พรรค ยังยืนยันจะเสนอชื่อนายพิธา เป็นนายกฯ ดังนั้นจึงทราบอยู่แล้วว่าเสียงของสภาล่างมีความเห็นอย่างไร

ถามถึงกระแสข่าวที่ กกต. อาจมีมติส่งเรื่องนายพิธาถือหุ้นสื่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย นายชัยธวัช กล่าวว่า อย่างที่นายพิธาได้ทำหนังสือถึง กกต. ว่าอยากให้ กกต. แจ้งข้อเท็จจริง พฤติการณ์ ข้อกฎหมายที่มีการกล่าวหา ว่ากระทำผิดกฎหมายต่างๆ อย่างไร เพื่อเปิดโอกาสให้นายพิธาชี้แจง ซึ่งเป็นกระบวนการที่ควรจะเป็น ตอนนี้เกิดคำถามว่าทำไมถึงลุกลี้ลุกลน มีกระแสข่าวว่าจะรวบรัดให้ กกต. มีธงหรือไม่ที่จะส่งเรื่องนี้ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ศาลยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ของนายพิธาให้ได้ก่อนที่จะมีการโหวตนายกฯ อันนี้เป็นความกังวลที่ กกต. ต้องอธิบายให้ได้ เรื่องนี้ผิดสังเกต และหวังว่าจะไม่มีธงทางการเมืองเหมือนที่เป็นข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้

เมื่อถามว่าหาก กกต. จะพิจารณาเสร็จกรณีคุณสมบัติของนายพิธา ในวันที่ 12 ก.ค. จะส่งผลกระทบต่อการโหวตให้นายพิธา เป็นนายกฯ หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่ส่งผลกระทบ ถึงอย่างไรสถานะการเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของนายพิธา ยังคงอยู่.