เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่รัฐสภา พล.ต.โอสถ ภาวิไล สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่งดออกเสียงในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีที่มีการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เพียงชื่อเดียว ว่า หลังจากนี้ส.ส.คงจะพูดคุยกันบ้าง ส่วนกรณีที่มีส.ว. 13 คน โหวตสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ตนไม่ตกใจ เพราะ ส.ว.กลุ่มนี้มีจุดยืนแบบนั้น อย่างไรก็ตาม การอภิปรายวันนี้ นายวิทยา แก้วภราดรัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ พูดได้ดีว่าทำไมต้องแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่ง 8 พรรคร่วมก็ไม่ได้พูดเรื่องประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มีแต่พรรคก้าวไกลเท่านั้นที่พูดว่าจะแก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และนายพิธายังยืนจุดเดิมจึงเป็นเหตุที่ตนเองของงดออกเสียง

เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรต่อกรณีลงคะแนนโหวตเลือกนายพิธาไม่ผ่าน ทำให้สังคมตั้งคำถามต่อส.ว. พล.ต.โอสถ กล่าวว่า พวกเรามีหน้าที่พิจารณา เอาสิ่งที่ไม่กระทบกระเทือนต่อสถาบัน ซึ่งทุกคนต้องพิจารณาหลายๆเรื่อง ไม่ใช่พิจารณาว่าได้เสียงมาเยอะแล้ว เรื่องอื่นไม่พิจารณาไม่ได้ เพราะเป็นหน้าที่ของส.ว. ต้องพิจารณา ต้องหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับประชาชน

ต่อข้อถามว่าจะค้านกับกระแสของมวลชนที่มาจับตามองในวันนี้หรือไม่ พล.ต.โอสถ กล่าวว่า การเลือกตั้งก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ส.ว.มีหน้าที่พิจารณากลั่นกรองสิ่งที่ส.ส.พิจารณากันมา แม้กระทั่งส.ส.ยังไม่เห็นชอบ   แล้วทำไมต้องมาลงที่ส.ว. ซึ่งส.ส.มีจำนวน 500 คนก็ไปพูดกันตรงๆ  และทำไมพรรคก้าวไกลไม่มองว่าคนอื่นก็ไม่เห็นด้วย สิ่งที่ผิดปกติไม่ใช่คนที่ไม่เห็นชอบเหมือนกับเขา หากย้อนกลับมาให้พิจารณาว่าคนส่วนใหญ่ ไม่อยากแก้มาตรา 112 เยอะกว่า  และในวันนี้นายพิธาไม่ได้มีการชี้แจงในเรื่องดังกล่าว และไม่ยอมแก้ไข ดังนั้น ส.ว.ไม่รู้จะทำอย่างไร พร้อมยืนยัน หากนายพิธากล่าวว่าจะถอย 112 ส.ว.ก็อาจจะโหวตให้

พล.ต.โอสถ กล่าวอีกว่า ยังติดใจเรื่องยุบ และยกเลิกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เพราะเกี่ยวข้องกับความมั่นคง ซึ่งมีหลายอย่างที่ต้องคุยกัน โดยตนมองว่าสามารถแก้ไขได้แต่ต้องถอยออกมาบ้าง แต่นายพิธานั้นไม่ยอมถอย ถ้าไม่ถอยเลยจะไปกันได้อย่างไร เป็นเรื่องความมั่นคงของชาติ บ้านเรากำลังจะมีอะไรมาหา ซึ่งมหาอำนาจต่างๆจะมารุมเรา ต้องพิจารณากันหลายด้าน

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้พรรคก้าวไกลได้มีการพูดคุยกับส.ว. หรือได้มีการพูดคุยกับพล.ต.โอสถ ด้วยหรือไม่ พล.ต.โอสถ ยอมรับว่าก่อนหน้านี้พรรคก้าวไกลได้มีการมาพูดคุยกับตน ซึ่งตนได้ถามกลับไปว่าจะมีการแก้ไขมาตรา 112 หรือไม่ ซึ่งพรรคก้าวไกลได้ชี้แจงว่าในการลงนามเอ็มโอยูไม่มี แต่พรรคก้าวไกลจะเดินหน้าต่อเอง โดยจะมาพูดในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ และตนเองจะมีการตัดสินใจในวันนี้ ซึ่งนายพิธากลับไม่มีการพูดถึงเรื่องดังกล่าว ตนคิดว่า คนอื่นก็คงรอฟังเช่นกัน และตนจะให้โอกาสนายพิธาอีกครั้ง.