เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย ว่า หลังผลโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งแรก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล ไม่ได้เสียงเพียงพอ ทำให้แกนนำพรรคเพื่อไทย ภาคอีสาน บางคนมองว่า 7 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดนพรรคก้าวไกลหลอกในประเด็นเสียง ส.ว. เพราะแกนนำพรรคก้าวไกลประกาศกับสื่อมวลชนมาตลอดว่า มีเสียง ส.ว. เพียงพอในการสนับสนุนนายพิธา ในการโหวตเลือกนายกฯ และมีมากกว่า 100 เสียง แต่เมื่อผลออกมาเสียงไม่เพียงพอเช่นนี้ เท่ากับเป็นการหลอกลวงพรรคร่วมทั้ง 7 พรรค ที่ลงนามในเอ็มโอยูด้วยกัน เพราะหากพรคก้าวไกลรู้ว่ามีเสียงไม่พอ ก็ควรแจ้งพรรคร่วมอื่นๆ เพื่อจะได้ช่วยกันหาเสียง ส.ว. เพิ่มเติม จึงถือว่าเอ็มโอยูที่เซ็นร่วมกันว่าจะสนับสนุนนายพิธานั้น ได้สิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่รู้ผลการลงมติของรัฐสภา ฉะนั้นพรรคเพื่อไทยจึงมีความชอบธรรมหากจะดำเนินการต่อไปอย่างไร หลังจากนี้พรรคเพื่อไทยได้นัดประชุมแกนนำพรรคในวันที่ 17 ก.ค. นี้ เพื่อหารือร่วมกันว่าทิศทางการเดินหน้าของพรรคเพื่อไทย ในการโหวตนายกฯ รอบ 2 จะเป็นอย่างไร 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หากการโหวตเลือกนายกฯ รอบที่ 2 พรรคเพื่อไทยเป็นผู้เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ แกนนำพรรค มีความเห็นว่าจะส่งชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เข้าชิงตำแหน่งนายกฯ แต่นายเศรษฐาเคยประกาศว่า หากเป็นนายกฯ จะไม่มีลุง ดังนั้น ถ้ารูปแบบการจัดตั้งรัฐบาล มีกลุ่มอำนาจเก่าเข้าร่วม ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายเศรษฐาว่า จะยินยอมให้เสนอชื่อหรือไม่ นอกจากนี้มีรายงานเพิ่มเติมว่า นายเศรษฐาได้ตั้งเงื่อนไขจะต้องนำพรรคก้าวไกลเข้าร่วมรัฐบาลด้วย เพื่อลดกระแสจากด้อมส้มในอนาคตด้วย.