เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 17 ก.ค. ที่ กระทรวงยุติธรรม  ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงาน สายไหมต้องรอด นำ น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นแฟนสาวของสารวัตรสอบสวนโรงพักแห่งหนึ่ง ใน จ.ลพบุรี เข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมกับกระทรวงยุติธรรม และขอให้จัดหาเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายเข้ามาช่วยดูแลเรื่องการดำเนินคดี เนื่องจากเกรงว่านายตำรวจจะช่วยเหลือกัน พร้อมขอรับการคุ้มครองพยาน เนื่องจากผู้เสียหายเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย โดยมี น.ส.ศกลวรรณ ชัยภักดี หัวหน้ากลุ่มงานแผนและพัฒนางานบริการ ศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม และนายวรพันธ์ กลัดหว่าง นักวิชาการยุติธรรมชำนาญการ เป็นตัวแทนรับเรื่อง สาเหตุมาจากเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา ผู้เสียหายถูกแฟนหนุ่มทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งใบบันทึกคำให้การของผู้กล่าวหาหรือพยาน พนักงานสอบสวนไม่ได้มีการระบุว่าผู้ใดเป็นผู้กระทำความผิด ทั้งที่ผู้เสียหายระบุชื่อ-นามสกุล ผู้ก่อเหตุชัดเจน จึงทำให้เป็นกังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

น.ส.บี กล่าวว่า ในวันที่ 15 ก.ค. ที่ผ่านมา ตนเข้าให้การกับพนักงานสอบสวน สน.บึงกุ่ม ตนได้มีการระบุชื่อ-นามสกุล ตำแหน่งหน้าที่การงานของผู้ก่อเหตุชัดเจน ซึ่งในใบบันทึกประจำวันนั้นมีการระบุชื่อ-นามสกุลจริง แต่ใบเอกสารที่ตนตั้งข้อสงสัยว่ามีความผิดปกติ คือ ใบบันทึกคำให้การของผู้กล่าวหาหรือพยาน เพราะในบรรทัดคดีระหว่างชื่อผู้กล่าวหา ซึ่งก็คือชื่อตน กับในส่วนของผู้ต้องหา กลับระบุว่า “ไม่ปรากฏว่าผู้ใดเป็นผู้กระทำความผิด” ตนจึงเป็นกังวลว่าอาจจะไม่ได้รับความยุติธรรม หวั่นว่าด้วยความเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเหมือนกัน อาจจะเป็นช่องว่างในการช่วยเหลือกันและกันได้ จึงได้ทักท้วงถามกลับไป ทางตำรวจก็แก้ไขให้ใหม่แต่ยังไม่ส่งคืน อ้างว่าต้องทำเอกสารให้สมบูรณ์ ส่วนใบบันทึกประจำวันทางตำรวจได้ระบุชื่อผู้ก่อเหตุไว้เป็นที่เรียบร้อย ก็ยังไม่ได้มอบให้ผู้เสียหายเช่นกัน เพราะตำรวจติดใบนี้ไปกับบันทึกคำให้การด้วย ซึ่งวันนี้หลังเสร็จสิ้นที่กระทรวงยุติธรรม ตนจะเดินทางไปรับใบเอกสารทั้งสองที่ สน.บึงกุ่ม และล่าสุดภายหลังเป็นข่าว ผู้ก่อเหตุได้มีการพยายามโทรศัพท์หรือไลน์มาขอคืนดี ขอโทษ แต่ตนไม่ได้รับสาย เพราะไม่ต้องการกลับไปอีกแล้ว

น.ส.บี กล่าวอีกว่า ตนและผู้ก่อเหตุคบหาดูใจกันได้ 10 เดือน โดยขณะนั้นแฟนหนุ่มยังเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำแหน่งรองสารวัตรที่กองบังคับการปราบปราม จากนั้นได้เลื่อนยศขึ้นเป็นสารวัตรสอบสวน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ตนถูกแฟนหนุ่มทำร้ายร่างกายต่อเนื่องเรื่อยๆ มีการขว้างขวดน้ำ มีการทุบตีทำร้ายร่างกาย และถ้ายิ่งผู้ก่อเหตุมีอาการเมา ก็มักจะทำร้ายร่างกายตนอย่างรุนแรงสาหัส จนเหตุการณ์ล่าสุด เพราะเจ้าตัวเป็นคนมีอารมณ์รุนแรง หากพูดอะไรไม่เข้าหูจะถูกทำร้ายเป็นประจำ ตนพยายามขอแยกทาง แต่ก็ถูกข่มขู่และถูกทำร้ายหนักกว่าเดิม จึงต้องทนอยู่เรื่อยมา จนกระทั่งล่าสุดที่ตนถูกแฟนหนุ่มทำร้ายข้างถนนอย่างไม่มีเหตุผล จนต้องร้องขอความช่วยเหลือจากคนที่ผ่านไปมา หลังเกิดเหตุก็ได้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล และเดินทางเข้าแจ้งความเอาผิด ส่วนวันนี้ที่มากระทรวงยุติธรรม ตนมีความประสงค์ ขอคุ้มครองพยานและขอรับเงินเยียวยา ตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา

ขณะที่นายนิรันดร์ เกแง้ว ตัวแทนทีมงานสายไหมต้องรอด ระบุว่า ตนพาผู้เสียหายมาขอคุ้มครองสิทธิและรับเงินเยียวยาในฐานะผู้เสียหายในคดีอาญาตามกฎหมาย อีกทั้งมาร้องขอให้ผู้เสียหายเข้าสู่มาตรการคุ้มครองพยานเนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นข้าราชการตำรวจ จึงกลัวและวิตกกังวลในเรื่องความปลอดภัย นอกจากนี้ ยังถือโอกาสร้องเรียนกระทรวงยุติธรรม เนื่องจากในใบบันทึกคำให้การดังกล่าว ไม่ระบุชื่อผู้ก่อเหตุ จึงทำให้ผู้เสียหายไม่สบายใจเกรงว่าตำรวจจะช่วยเหลือกันเอง อีกทั้งใบนี้มีผลอย่างยิ่งต่อการออกหมายเรียกผู้ก่อเหตุ ไม่รู้ว่าเป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเป็นการจงใจ จึงขอให้กระทรวงยุติธรรม ช่วยเร่งรัดและติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ใบผลทางคดี ผู้เสียหายระบุชัดเจน เพื่อพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกมาสอบปากคำ แต่ด้วยความที่เจ้าหน้าที่สอบปากคำไม่ได้ระบุเนื้อหา ผู้เสียหายจึงกังวลว่าเป็นเจ้าหน้าที่จะให้ความช่วยเหลือกันหรือไม่

ด้านนายวรพันธ์ กลัดหว่าง นักวิชาการยุติธรรมชำนาญการ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กล่าวว่า ทางกระทรวงยุติธรรมได้รับหนังสือแล้ว จะดำเนินการตรวจสอบพฤติการณ์ของผู้ก่อเหตุว่าข่มขู่ผู้เสียหายอย่างไรบ้าง หากเข้าเกณฑ์คุ้มครองพยาน ก็จะเร่งพิจารณาให้เร็วที่สุด เบื้องต้นตนได้ประสานให้ตำรวจท้องที่ของผู้เสียหาย จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าระวังไว้ และจะเร่งรัดการดำเนินคดีกับทางตำรวจ สน.บึงกุ่ม ให้ดำเนินการโดยละเอียด รอบคอบ และเป็นธรรม ไม่ช่วยเหลือกัน ส่วนค่าเยียวยาตามสิทธิ จะพิจารณาจากค่ารักษาพยาบาล และค่าเสียโอกาสในหน้าที่การงานของผู้เสียหายต่อไป.